หลายคนมักคุ้นชินกับระบบการศึกษาแบบปกติ ระบบที่มีเพียงโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน แต่รู้หรือไม่ว่า ในอีกหลายประเทศกลับมีตัวเลือกที่หลากหลายมากไปกว่านั้น ในวันนี้ เราจึงอยากจะหยิบยก – ถกประเด็นในเรื่อง “Home Schooling” อีกหนึ่งรูปแบบการเรียน – การสอนสุดพิเศษ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เด็กนักเรียนหรือผู้ปกครองเฉพาะกลุ่ม ผู้มีจุดประสงค์ต่างจากหลายครัวเรือน

Home School คืออะไรนะ?

บ้างก็อาจเคยได้ยิน บ้างก็อาจไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ จริง ๆ แล้ว ระบบ Home School คือรูปแบบที่ใช้กันมาอย่างเนิ่นนาน เพียงแต่อาจไม่แพร่หลายเป็นวงกว้างเท่าไหร่นัก เหตุผลส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะด้วยข้อจำกัดที่ซับซ้อน รวมถึงข้อกฎหมายที่แตกต่าง เช่นเดียวกับในอเมริกา Home School ถือว่าเป็นข้อกฎหมายทางการศึกษาที่ได้รับการยอมรับและมีการนิยมใช้ในบางกลุ่ม จากคำจำกัดความของการศึกษาแบบ Home School ถูกระบุเอาไว้ว่า “เปรียบเสมือนโรงเรียนที่ผู้ปกครอง จะสามารถออกแบบและสอนหลักสูตรวิชาการได้แก่บุตรหลานได้เองที่บ้าน” แทนที่จะเป็นการเรียนการสอนจากสถาบันของรัฐหรือเอกชน

เอาล่ะ ก่อนจะเขยิบไปพูดถึง Home School ในสหรัฐอเมริกา ขอเท้าความกันสักเล็กน้อยก่อนว่า จริง ๆ แล้วเจ้า Home School เป็นระบบที่เริ่มเติบโตมาตั้งปี ค.ศ. 1970 เชียวนะ ประมาณ 50 ปีก่อนเห็นจะได้ สืบเนื่องมาจากนักเขียนและนักวิจัยในขณะนั้น นามว่า John Holt ชาวอเมริกัน ได้ริเริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษา โดยแนะนำต่อสังคมว่า โฮมสคูลเป็นตัวเลือกทางการศึกษาที่ดี โดยจอห์นเลือกหยิบใช้คำว่า “Homeschooling” ในการอธิบายกระบวนการดังกล่าวนี้

Home Schooling ในอเมริกาตัวเลือกน่าเรียนของเด็กอเมริกัน
Home Schooling ในอเมริกาเป็นระบบที่มีมาตั้งปี ค.ศ. 1970

เวลาต่อมาจอห์นเขียนหนังสือที่ชื่อว่า Teach Your Own : The John Holt Book of Homeschooling เป็นเนื้อหาที่เล่าและอธิบายถึงกระบวนการและสาเหตุว่าทำไม เด็ก ๆ ถึงสามารถเติบโตและเรียนรู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียน หรือ ไม่จำเป็นต้องไปบ่อยเช่นปกติ แนวคิดดั้งเดิมของจอห์นน่าสนใจไม่น้อย เขาบรรยายเจตนาของเขาผ่านตัวอักษรประมาณว่า

ชีวิตของผู้คนล้วนเคยชินกับการอยู่ร่วมกับโรงเรียน ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ซึ่งนั่นล้วนกลายมาเป็นสิ่งที่ขาดหายไม่ได้ในปัจจุบันเสียแล้ว แต่สักวันหนึ่งเราอาจจำเป็นต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากสิ่งเหล่านั้น กับความจริงอีกด้านที่ว่า เราไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากบ้าน ในความคิดจอห์น สังคมประสบปัญหาทางด้านการศึกษาที่ไม่สามารถเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงเรียนได้ มีแต่จะเปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นดั่งบ้านแทน

John Holt

ซึ่งถ้าหากเราคิดตามเป็นลำดับขั้นตอนล่ะก็ จะเห็นได้ว่าความคิดของจอห์นก็ฟังดูเข้าท่าไม่น้อยเลย เพราะจริง ๆ แล้วเราหลายต่อหลายคน ต่างคุ้นเคยกับการเรียนในสถาบันการศึกษามาแล้วทั้งชีวิต.

บทบาทของ Home Schooling ในอเมริกา

Home schooling หรือ โฮมสคูล เป็นรูปแบบการเรียนที่ถูกกฎหมายทั่วทั้งยุโรป รวมไปถึงประเทศแนวหน้าทางการศึกษา อย่าง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือแม้แต่ฮ่องกง และแอฟริกาใต้  ก็ล้วนแต่ได้รับการยอมรับในข้อกฎหมายทั้งสิ้น เฉกเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา

แท้จริงแล้ว “หลักสูตร Home School เป็นโมเดลการศึกษา ที่ไม่ได้มีเฉพาะการศึกษาด้วยตนเองที่บ้าน หรือ นอกห้องเรียนเท่านั้น” แต่ยังมีรูปแบบการเรียนภายในห้องเรียนแบบปกติอีกด้วย เพียงจะมีความต่างจากระบบทั่วไปตรงที่ เด็ก ๆ สามารถเลิกเรียนได้ตามความต้องการ หากเด็ก ๆ มีความสนใจเฉพาะด้านไปทางไหน ผู้ปกครองก็จะผลักดันเด็ก ๆ ให้ไปทางนั้นได้อย่างเต็มที่ พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็มักเลือกออกแบบหลักสูตรผ่านการเลือกสรรหนังสือและสื่อการสอนให้กับบุตรหลานเสียมากกว่า.

บทบาทของ Home Schooling ในอเมริกา
Home Schooling ในอเมริกานั้นผู้ปกครองสามารถผลักดันเด็ก ๆ ในความสนใจเฉพาะด้านได้

โฮมสคูลได้กลับกลายมาเป็นกระแสอีกครั้งอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19  อิงจากสถาบันวิจัยการศึกษาแห่งชาติ National Home Education Research Institute ระบุว่า “สหรัฐอเมริกา มีจำนวนนักเรียนเข้าสู่ระบบโฮมสคูลประมาณ 2.5 ล้านคน” ตั้งแต่ระดับอนุบาล – ประถม – มัธยมศึกษา และในปัจจุบัน Home School ได้กลายมาเป็นกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้องใน 50 รัฐของอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดอันซับซ้อน ทำให้กฎระเบียบของโฮมสคูลแต่ละรัฐภายในอเมริกา จะแปรผันตามตัวเด็กนักเรียน – ผู้ปกครองอีกทีหนึ่ง

เด็กนักเรียนที่จบการศึกษาจากระบบ Home School ในอเมริกาจะได้รับประกาศนียบัตรเช่นเดียวกับโรงเรียนรัฐและเอกชนอื่น ๆ วิทยาลัยส่วนมากยอมรับวุฒิการศึกษาจากโฮมสคูล แต่อาจจำเป็นต้องแนบมาด้วยการวัดระดับคะแนน SAT (การทดสอบความถนัดทางภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์) หรือ ACT : American College Testing Assessment ควบคู่กัน

แนะนำอ่านต่อ : รายละเอียดของการสอบ SAT

ในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาขั้นสูงที่ยอมรับนักเรียนผู้สำเร็จการศึกษาจากโฮมสคูลมากถึง 800 แห่ง เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) และ มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) มากไปกว่านั้นการเติบโตของโฮมสคูลยังไปเข้าตาสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน นั่นก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้สถาบันเหล่านั้นเริ่มสนับสนุนสื่อการสอน การเวิร์กช็อป ในชั้นเรียนพิเศษนี้

 6 ขั้นตอนที่ควรรู้ ก่อนเริ่มเข้าวงการ Home School

หัวข้อนี้อาจตรงใจผู้ปกครองรุ่นใหม่ที่กำลังสนใจกับระบบโฮมสคูลในอเมริกา ณ ขณะนี้ และนี่คือ 6 ขั้นตอนก่อนที่ต้องศึกษาก่อนก้าวเข้าสู่วงการ Home School!

STEP 1 : ศึกษาข้อกฎหมายของรัฐที่อาศัยอยู่ในอเมริกา

เนื่องด้วยข้อกำหนดของโฮมสคูลในอเมริกาจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ผู้ปกครองจำเป็นต้องศึกษาข้อกำหนดของรัฐที่ต้องการทำโฮมสคูล โดยทางเว็บไซต์ Homeschool.com เป็นช่องทางช่วยเหลือที่ให้ความรู้ในข้อกำหนดดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นทั้งอายุเริ่มต้นของเด็ก ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ทำโฮมสคูลได้ หลักสูตรที่จำเป็น ตลอดจนเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม

STEP 2 : ค้นหาวิธีการที่ใช่สำหรับเด็ก ๆ

ก่อนอื่นเลย คนเป็นพ่อและแม่ จะต้องตั้งคำถามและตอบตัวเองให้ได้ว่า “ทำไม!? ถึงต้องการให้บุตรหลานเข้าเรียนฉบับโฮมสคูล” และนั่นจะนำไปสู่เส้นทางขั้นตอนต่อไปว่า แล้วจะเรียนแบบไหน? โฮมสคูลในแต่ละรัฐ / แต่ละแห่ง จะมีความแตกต่างกัน นักเรียนในระบบโฮมสคูลส่วนใหญ่เลือกที่จะออกแบบการเรียนรู้ของตัวเองในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้น การที่ทุกครอบครัวมีความต่างเป็นของตัวเอง ผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องสรรหาวิธีการ – รูปแบบการเรียนรู้แบบโฮมสคูลของเด็ก ๆ ในวิถีของตัวเองด้วย

STEP 3 : รู้ความต้องการของลูก

แน่นอนว่าประเด็นนี้ คือสิ่งสำคัญอย่างมากและเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อและแม่ควรใส่ใจให้มากที่สุด นั่นก็คือ ความต้องการและความถนัดของเด็ก ๆ พวกเขาเหล่านั้นย่อมมีเอกลักษณ์เฉพาะตนและความสามารถแอบแฝงอยู่ การค้นหาว่าพวกเขาชอบอะไร – มีความสนใจด้านใดเป็นพิเศษ ปัจจัยเหล่านี้จะหลายมาเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการศึกษาของลูก ๆ ได้ในที่สุดนั่นเอง

STEP 4 : หาหลักสูตรโฮมสคูลที่ใช่

ด้วยความหลากหลายอย่างบอกไม่ถูก ที่ให้ทั้งอิสระและเสรีภาพในการตัดสินใจ ส่งผลให้การเลือกหลักสูตรโฮมสคูลที่ใช่สำหรับเด็ก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย! ฉะนั้นพ่อแม่ – ผู้ปกครอง จึงอาจจำเป็นอย่างยิ่งในการหาพี่เลี้ยงผู้เชี่ยวชาญ หรือ บุคคลที่เคยมีประสบการณ์ตรงในระบบโฮมสคูลมาก่อน นำไปสู่การปรึกษา ตลอดจนถกปัญหาที่พบ เพื่อหาหลักสูตรที่ตรงใจ นอกจากนี้ ในปัจจุบัน รูปแบบคำแนะนำของโฮมสคูลได้ปรับเปลี่ยนตามยุคกระแส New Normal มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Virtual Homeschool Convention

STEP 5 : เริ่มวางแผน

จาก 4 ขั้นตอนด้านบน ถัดมาก็ถึงขั้นตอนลงมือทำ การเริ่มวางแผนโฮมสคูลของลูก ๆ จำเป็นต้องทำแผนการตลอดทั้งปี สร้างเป้าหมาย ขอบเขตและลำดับความสำคัญ รวมไปถึงการสร้างแผนรายวัน / รายสัปดาห์

STEP 6 : อย่าลืมที่จะบันทึกสถิติการศึกษารูปแบบโฮมสคูล

หากเป็นการศึกษาตามปกติ การเก็บบันทึกข้อมูลและสถิติคงเป็นหน้าที่ของครูผู้ช่วยคนใดคนหนึ่งของสถาบัน แต่สำหรับโฮมสคูลแล้วนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรใส่ใจและดูแล ไม่ว่าจะการเก็บหนังสือทั้งในรูปแบบเล่ม หรือ ออนไลน์ บันทึกสถิติต่าง ๆ ในรูปแบบสเปรดชีต เพื่อไล่ดูพัฒนาการของเด็ก ๆ และยังทำให้พวกเขาสามารถเห็นการก้าวหน้าของตัวเองได้


บทความนี้หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ปกครองที่สนใจในการทำโฮมสคูลให้เด็ก ๆ นะคะ และถ้าหากคุณพ่อคุณแม่สนใจในการทำ Home Schooling ในประเทศไทย สามารถอ่านต่อได้ที่บทความนี้ค่ะ จะมีขั้นตอนพร้อมรายละเอียดทั้งหมด ในการทำโฮมสคูลหรือบ้านเรียนในไทยค่ะ

แนะนำอ่านต่อ : บ้านเรียน หรือ Home School คืออะไร?