การสอบ AP

การสอบ Advanced Placement  หรือการสอบ AP เป็นการสอบมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อวัดผล ระดับความรู้ความเข้าใจและทักษะในแต่ละวิชา AP โดยวิชา AP ส่วนมากจะมีการสอบข้อเขียนเมื่อจบการศึกษาในแต่ละปี แต่บางวิชาอาจมีวิธีวัดผลที่แตกต่างออกไป อย่างเช่นวิชา AP Art and Design จะให้นักเรียนส่ง portfolio ผลงานเพื่อนำมาให้คะแนน เป็นต้น

AP นั้นเป็นโปรแกรมจาก College Board ที่ให้นักเรียนระดับ High School ได้เรียนเนื้อหาของระดับมหาวิทยาลัย ในรายวิชาที่สนใจล่วงหน้า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย

AP : Advanced Placement

การลงเรียนในวิชา AP ถือเป็นใบเปิดทางสู่มหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและการแข่งขันสูง หากน้องๆมี “ผลสอบ AP” นอกจากจะเป็นตัวช่วยให้มีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังประหยัดทั้งเงินและเวลา เพราะสามารถเทียบโอนหน่วยกิตไปใช้ในระดับมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย

AP สอบอะไรบ้าง?

ในแต่ละวิชา AP ก็จะมี requirements ที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนมากเกือบทุกวิชา ไม่ว่าจะเป็นการสอบข้อเขียนในกระดาษ หรือสอบแบบ digital การสอบส่วนใหญ่จะใช้เวลา 2 – 3 ชั่วโมง โดยจะมีสิ่งที่เหมือนๆกันดังต่อไปนี้

การสอบส่วนที่ 1

ในส่วนแรกของข้อสอบมักจะมีคำถามแบบปรนัย หรือ Multiple-choice โดยจะให้นักเรียนเลือก 1 คำตอบ จาก 4 – 5 คำตอบ สำหรับแต่ละคำถาม และใช้ดินสอวงข้อที่เลือกลงในกระดาษคำตอบ และสำหรับการสอบแบบ digital จะให้กรอกคำตอบลงใน exam application

คะแนนรวมของการสอบแบบปรนัย จะคำนวณจากจำนวนข้อที่ตอบถูก และจะไม่ได้คะแนนในข้อที่ตอบผิดหรือไม่ได้ตอบ

การสอบส่วนที่ 2

ในส่วนที่สองของการสอบโดยส่วนมากมักจะประกอบด้วยการสอบแบบอัตนัย โดยนักเรียนจะต้องเขียนคำตอบขึ้นมาเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อสอบด้วยว่าต้องการคำตอบแบบเรียงความ (Essay) หรือการคำนวณหาคำตอบ

• สำหรับการสอบแบบใช้กระดาษคำตอบ โดยส่วนมากนักเรียนจะเขียนคำตอบด้วยปากกาลงในสมุดคำตอบที่แจกให้
• สำหรับการสอบแบบ Digital, AP Chinese และ AP Japanese Language and Culture นักเรียนจะพิมพ์คำตอบลงใน exam application ในคอมพิวเตอร์

รายละเอียดของการสอบ AP ในแต่ละรายวิชาสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ AP Exam Format

AP คิดคะแนนอย่างไร?

คะแนนการสอบ AP จะเป็นคะแนนรวมของการสอบแบบปรนัย และอัตนัยและจะถูกรายงานเป็นระดับ 1 – 5 ที่จะบ่งบอกว่านักเรียน qualified ที่จะได้รับการเทียบหน่วยกิตของมหาวิทยาลัยมากแค่ไหน

• คะแนนระดับ 5 เทียบเท่ากับ เกรด A+ หรือ A ในวิชาระดับมหาวิทยาลัย
• คะแนนระดับ 4 เทียบเท่ากับ เกรด A-, B+ หรือ B ในวิชาระดับมหาวิทยาลัย
• คะแนนระดับ 3 เทียบเท่ากับ เกรด B-, C+ หรือ C ในวิชาระดับมหาวิทยาลัย

โดยส่วนมากมหาวิทยาลัยจะรับผลสอบวิชา AP ที่ได้คะแนนระดับ 5 และ 4 แต่ในบางมหาวิทยาลัยก็ยอมรับผลคะแนนระดับ 4 ด้วยเช่นกัน

การสอบแบบปรนัยจะถูกตรวจด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนการสอบแบบอัตนัย (Essays และ คำถามแบบเปิด) จะถูกตรวจและประเมินที่ Annual AP Reading ที่จะถูกจัดขึ้นระหว่างอาทิตย์ที่ 1-2 ในเดือนมิถุนายน โดยที่มีอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย และอาจารย์สอนวิชา AP ที่มีประสบการณ์จะมาร่วมกันตรวจและให้คะแนนข้อสอบ คะแนนข้อสอบในส่วนของปรนัยและอัตนัยจะถูกนำมารวมกันในท้ายที่สุด

สิ่งที่ควรรู้ก่อนสมัครสอบ AP

ตารางการสอบ AP ในปี 2021 มีการเปลี่ยนแปลงจากปกติ โดยปีนี้การสอบแต่ละวิชาจะมีขึ้น 3 วัน ในแต่ละช่วงต่อไปนี้

Administration 1 : May 3–7, 10–12, 14, 17 (In School)

Administration 2 : May 18–21, 24–28 (In School and At Home)

Administration 3 : June 1–4, 7–11 (In School and At Home)

การสอบแบบ digital จะมีการจัดขึ้นในหลาย ๆ วิชาใน Administration 2 และ  3  ถ้าโรงเรียนของนักเรียนถูกผิดหรือไม่สามารถไปสอบที่โรงเรียนได้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย โรงเรียนของนักเรียนสามารถให้สิทธิ์นักเรียนในการสอบแบบ digital ที่บ้านได้

ขั้นตอนการสมัครสอบและค่าสมัครสอบ AP

ค่าสมัครสอบวิชา AP

ค่าสมัครสอบวิชา AP จะเริ่มต้นตั้งแต่ $95 กรณีที่สอบในสนามสอบในประเทศอเมริกาและประเทศแคนาดา รวมไปถึง กรมกิจกรรมการศึกษากลาโหม หรือ DoDEA schools และจะเพิ่มเป็น $125 กรณีสอบที่ประเทศอื่น ๆ

ขั้นตอนการสมัครสอบ AP

การจะสมัครสอบ AP ได้นั้น ก่อนอื่นนักเรียนจะต้องกดเข้าร่วมชั้นเรียน AP ทางออนไลน์เสียก่อน AP Coordinator ของนักเรียนแต่ละคนจะเป็นคนสมัครสอบให้และเรียกเก็บค่าสอบจากนักเรียน Deadline ของการสมัครสอบ AP จะอยู่ในช่วง Fall แต่ deadline ของแต่ละโรงเรียนก็แตกต่างกันออกไป นักเรียนจึงควรเช็คกับครูหรือ AP Coordinator ของตนเองเสมอ

1. คอนเฟิร์มการลงทะเบียนสอบ

ถ้าโรงเรียนต้องการให้นักเรียนระบุวิชาที่ต้องการสมัครสอบ ใน My AP นักเรียนจะเห็นปุ่ม “Register” หลังจากนักเรียนได้กดเข้าร่วมชั้นเรียน AP แล้ว การกดปุ่ม “Register” จะทำให้ Coordinator ของนักเรียนรู้ว่านักเรียนวางแผนจะสอบ และ Coordinator ก็จะดำเนินการให้นักเรียนต่อไป หากนักเรียนไม่เห็นปุ่มดังกล่าว นั่นหมายถึงนักเรียนได้ลงทะเบียนสอบเรียบร้อยแล้ว

หากนักเรียนต้องการลงทะเบียนสอบหลังจากเดือน พฤศจิกายน นักเรียนอาจโดนเรียกเก็บ “Late Fee” เพิ่มเติม ซึ่งนักเรียนจะต้องสอบถามรายละเอียดการลงทะเบียนกับ Ap Coordinator และหากชั้นเรียนของนักเรียนเริ่มเรียนในช่วง Spring หรือนักเรียนมีการย้ายโรงเรียนหลังจาก deadline ของการสมัครสอบไม่ต้องห่วงเพราะ Coordinator สามารถที่จะช่วยดำเนินการลงทะเบียนให้ และยังไม่โดนเรียกเก็บ “Late Fee” เพิ่มเติมด้วย

2. การชำระเงินค่าสอบ

นักเรียนไม่สามารถชำระเงินค่าสอบได้ผ่านทางเว็บไซต์ “Ap Coordinator จะเป็นผู้เรียกเก็บค่าสอบจากนักเรียน”

3. ตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียน

หลังจากที่ได้ลงทะเบียนแล้ว วันและเวลาสอบก็จะปรากฎขึ้นใน “Class Section” ใน My AP ถ้า AP Coordinator มีการเปลี่ยนประเภทการสอบจาก digital date ไปเป็น paper and pencil exam date ก็จะมีข้อมูลอัพเดทอยู่ใน My AP 

AP Coordinator ของนักเรียนจะแจ้งสถานที่และวันเวลาของการสอบ หากนักเรียนลงสอบแบบ digital ทาง AP Coordinator ก็จะคอนเฟิร์มว่านักเรียนจะทำการสอบที่โรงเรียนหรือที่บ้าน

การสอบ AP สอบได้ทั้งหมดกี่ครั้ง?

“การสอบ AP จะถูกจัดขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้ง” แต่นักเรียนสามารถสอบใหม่ได้ในปีถัดไป หากนักเรียนเลือกที่จะสอบใหม่ คะแนนสอบทั้งสองครั้งก็จะถูกส่งคะแนนไปยังมหาวิทยาลัย นอกเสียจากนักเรียนจะแจ้งความจำนงไม่ให้ส่งคะแนนของปีใด ๆ เอาไว้ แต่ถ้าหากว่ามีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นระหว่างการสอบ AP ของนักเรียน นักเรียนอาจมีสิทธิ์สอบใหม่ (makeup exam)ภายในช่วงการจัดสอบนั้นๆ

สนามสอบ AP ในประเทศไทย

สำหรับสนามสอบ AP ในประเทศไทย โดยปกติแล้วโรงเรียนที่เปิดสอนวิชา AP ก็จะเปิดเป็นสนามสอบ AP ในช่วงเดือนพฤษภาคมด้วย โดยในประเทศไทยมีโรงเรียนที่เปิดสอนวิชา AP อยู่ดังต่อไปนี้

Owl Campus ขอให้กำลังใจน้อง ๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ AP ลองนำโจทย์ของปีเก่า ๆ มาลองทำดู เพื่อที่จะได้รู้ว่าแนวทางข้อสอบ และยังทำให้เรารู้ว่ามีจุดไหนที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม

Owl Campus Team