“โรงเรียน” ถือเป็นสถานที่สำคัญแห่งช่วงเวลาในวัยเด็ก เราทุกคน ล้วนเคยรับบทเป็นนักเรียนที่ไขว่คว้าหาวิชาความรู้ เพื่อมองหาเส้นทางการก้าวหน้าในชีวิต ซึ่งโดยปกติแล้ว โรงเรียนทั่วโลกจะมีการจัดแบ่งประเภทที่คล้ายคลึงกัน อันได้แก่ โรงเรียนของรัฐฯ ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล โรงเรียนกึ่งเอกชน-กึ่งรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน นอกเหนือจากนั้นแล้ว ยังมีอีกประเภทที่เรามักเคยได้ยิน นั่นก็คือ “โรงเรียนประจำ

เช่นเดียวกับในประเทศอังกฤษ ดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่า ทรงอิทธิพลแห่งวงการศึกษาระดับโลก ที่นี่เอง ก็มีสถาบันการศึกษา อย่าง “โรงเรียนประจำ” เฉกเช่นประเทศอื่น ๆ

ไม่เพียงเท่านั้น โรงเรียนประจำของอังกฤษ ยังเป็นที่นิยมอย่างมาก กับทั้งชาวอังกฤษและชาวต่างชาติ พ่อแม่ – ผู้ปกครองหลายคนจากหลายประเทศ เลือกที่จะส่งบุตร-หลาน มาเข้ารับการศึกษาจากโรงเรียนประจำภายในสหราชอาณาจักร ไม่แพ้สถาบันการศึกษาประเภทอื่น ๆ เลย และในบทความนี้เอง เราจะขอพาทุกคน ไปเรียนรู้เหตุผลที่ส่งเสริมอิทธิพลให้ “โรงเรียนรูปแบบนี้ เป็นที่นิยมในการศึกษาสำหรับเด็ก ๆ” รวมถึงบรรยากาศที่ได้รับ จะต่างจากสถานศึกษาอื่น ๆ หรือไม่!?

ระบบการศึกษาที่ใช้ใน “โรงเรียนประจำ” ของอังกฤษ

“Boarding School หรือ โรงเรียนประจำ” อย่างที่ทราบกันดี นั่นก็คือสถานที่ที่เป็นทั้งโรงเรียนและที่พักอาศัยให้แก่นักเรียนไปในตัวตลอดปีการศึกษา ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนประจำในประเทศเขตสหราชอาณาจักร รวม เวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ มีมากกว่า 500 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว มักอยู่ภายใต้การควบคุมและดูแลของภาคเอกชน ซึ่งนั่นเอง จึงทำให้สถาบันเหล่านี้มักมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าปกติอยู่พอสมควร!

Boarding School หรือ โรงเรียนประจำ
Boarding School ในประเทศเขตสหราชอาณาจักรมีกว่า 500 แห่ง

เมื่อพูดถึงระบบการศึกษาที่ใช้ภายในโรงเรียนประจำของอังกฤษ แบ่งออกทั้งสิ้นเป็น 3 ระดับ

เริ่มต้นที่ “ระดับชั้นประถมศึกษา Primary Education” ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุ 4 – 5 ขวบ ไปจนถึงเด็กโตที่มีอายุ 11 – 13 ปี ซึ่งในระดับนี้ ภายในอังกฤษมักใช้คำเรียกกันไปหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Primary School, Infant School, Junior School หรือ Preparatory School  ล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันการศึกษาที่สร้างมาเพื่อก้าวแรกในการศึกษาของเด็ก ๆ

ระดับถัดไป ในระดับที่ 2 ได้แก่ “ระดับมัธยมศึกษา Secondary Education” ถูกสรรค์สร้างมาสำหรับเด็กนักเรียนที่โตขึ้นมาอีกขั้น เด็ก ๆ ในชั้นเรียนนี้มักมีอายุตั้งแต่ 11 – 16 ปี ซึ่งจะคล้ายคลึงกับมัธยมศึกษาตอนต้นของไทย มากไปกว่านั้น ช่วงระยะเวลาสำคัญการศึกษาในระดับดังกล่าว คือช่วง 2 ปีสุดท้าย เมื่อนักเรียนอายุ 14 – 16 ปี เด็กนักเรียนจะเข้าสู่ช่วงเรียนและสอบ เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณวุฒิทางการศึกษาที่เรียกว่า “GCSE” หรือ General Certificates of Secondary Education ที่เป็นเหมือนการสอบจบระดับชั้น ประกอบไปด้วยทั้งวิชาเลือกเสรีและบังคับ และนักเรียนจำเป็นต้องผ่านการสอบตั้งแต่เกรด C เป็นต้นไป จึงจะถือว่าสำเร็จการศึกษาในระดับนี้นั่นเอง

แนะนำอ่านต่อ : การสอบ IGCSE

ระดับที่ 3 ได้แก่ “Sixth Form” เป็นระดับที่ออกแบบมาสำหรับเด็กนักเรียนที่มีอายุ 16 – 18 ปี เรียกได้ว่าเป็นโค้งสุดท้ายของชีวิตวัยมัธยมศึกษาเลยก็ว่าได้ ในระยะเวลากว่า 2 ปีเต็มนี้ มักถูกเรียกแทนว่า Lower Sixth และ Upper Sixth โดยนักเรียนส่วนมากมักได้รับคุณวุฒิเป็น A-Levels ที่มีชื่อเต็มว่า GCE A-Level : The General of Education Advance Level Certificate

ทั้งนี้ ใน 3 ระดับของระบบการศึกษาดังกล่าว ยังคงมีหลักสูตรนานาชาติรองรับสำหรับทางเลือกของผู้ปกครองและบุตรหลาน

2 สิ่งสำคัญที่ทำให้ Boarding School น่าสนใจและเป็นที่นิยม

บรรยากาศ

แน่นอนว่าการกิน-อยู่ในโรงเรียนประจำไปพร้อม ๆ กับการเล่าเรียนตำรับตำรา ย่อมให้สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศที่ไม่เหมือนกับการเรียนในสถาบันศึกษาทั่ว ๆ ไป สำหรับ boarding school ในประเทศอังกฤษ ถูกอัดแน่นไปด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การใช้ชีวิต เรียนรู้วัฒนธรรม เข้าสังคม ฝึกภาษา ทำกิจกรรมนันทนาการ รวมถึงการปูแนวทางการศึกษาไปสู่ระดับที่สูงกว่า อย่างมหาวิทยาลัยในอังกฤษ ซึ่งก็แน่นอนว่าสถาบันอุดมศึกษาในสหราชอาณาจักรนั้นขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเพียงใด

วัฒนธรรมและการอยู่อาศัย

ถึงแม้จะได้ชื่อว่า โรงเรียนประจำ แต่ยังคงมีนักเรียนที่ไม่ได้กิน-อยู่ภายในรั้วสถาบันเสียทั้งหมด “Boarders” หรือ นักเรียนประจำ คือเด็ก ๆ ส่วนที่ใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดภายในรั้วสถานศึกษา “Day Pupils” หรือ นักเรียนภาคกลางวัน ส่วนมากมักเป็นเด็กนักเรียนท้องถิ่น ที่จะอาศัยอยู่กับครอบครัวตามปกติและกลับบ้านเมื่อหมดชั่วโมงเรียน สองวัฒนธรรมอันผสมผสานนี้ ถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยกล่อมเกลาวัฒนธรรมสังคมโดยรวม ให้หลากหลายยิ่งขึ้น!!

Traditional Christmas Market
Traditional Christmas Market

ธรรมเนียมการหยุดพักของโรงเรียนประจำ มักจะเป็นช่วงวันหยุดยาวในฤดูร้อนและเทศกาลสำคัญ เช่น วันคริสต์มาส ซึ่งทางโรงเรียนจะอนุญาตให้เด็กนักเรียนประจำ เดินทางกลับบ้านไปใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวในช่วงเวลาอันสุดพิเศษ หรือหากนักเรียนคนใดไม่มีแพลนช่วงหยุดยาวเหล่านั้น ทางโรงเรียนก็ได้มีการเปิดสอนหลักสูตรภาษามารองรับอีกด้วย

ส่วนวันหยุดระยะสั้น ๆ ระหว่างเทอม โรงเรียนหลายแห่งจะยังคงเปิดบ้านต้อนรับ โดยไม่มีการปิดสถาบันแต่อย่างใด ที่เพิ่มเติมเข้ามา นั่นก็คือ กิจกรรมสอดแทรกและน่าสนใจ ให้เด็กนักเรียนได้มีส่วนร่วม เรียกได้ว่า “ถ้าใครสนใจที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม ทางโรงเรียนก็พร้อมจัดให้แบบเต็มสูบกันเลยทีเดียว”

ทั้งบรรยากาศ วัฒนธรรม และค่านิยม ล้วนส่งผลให้ boarding school ในประเทศอังกฤษเป็นที่นิยมไม่แพ้สถาบันสอนภาษาและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ สถานศึกษาเหล่านี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เหล่าพ่อแม่ – ผู้ปกครอง ต้องเก็บไว้เป็นตัวเลือกให้กับบุตร-หลาน เพราะนอกจากคุณภาพการศึกษาอันเยี่ยมยอด การได้ประสบการณ์ชีวิตจากรั้วโรงเรียนในอังกฤษ ยังเป็นการปูพื้นฐานชีวิตได้ดีทีเดียว

ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไรบ้าง?

อย่างที่ทราบกันดีว่า “Boarding School ส่วนมากในอังกฤษ อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของภาคเอกชน” เพราะฉะนั้น ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมการศึกษามักจะมีอัตราสูงกว่าทั่วไปเป็นปกติ แต่เม็ดเงินที่จ่ายไปนั้น ก็แลกมาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็มและมาตรฐานระดับโลก มาตรฐานดังกล่าว ไม่เพียงเฉพาะการศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง ความปลอดภัยที่ได้รับการันตี แถมยังสร้างระเบียบวินัยให้แก่นักเรียนในการดูแลอีกด้วย

ซึ่งหากใครกำลังสงสัยในอัตราค่าใช้จ่ายเริ่มต้น เรามีคำตอบ! โรงเรียนประจำในอังกฤษ มักมีค่าธรรมเนียมรายปีต่อเด็กนักเรียน 1 คน “เริ่มตั้งแต่ 20,000 ปอนด์ – 30,000 ปอนด์” หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 890,000 – 1.3 ล้านบาท หากเป็น Day Pupils หรือนักเรียนประจำวัน อาจมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 12,000 ปอนด์ต่อคน / ต่อปี หรือประมาณ 534,000 บาท source : studyin-uk.com

ถ้าชอบบทความแบบนี้ อย่าลืมช่วยแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ และถ้าสนใจบทความเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศ สามารถติดตามบทความทั้งหมดได้ที่นี่ค่ะ เรียนต่อต่างประเทศ