การศึกษาต่อยังต่างประเทศเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนและใช้เวลาเป็นอย่างมาก เพราะมีรายละเอียดการรับสมัครที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าที่พัก กฎระเบียบของทางมหาวิทยาลัยและเอกสารการสมัครที่ต้องยื่นมีเป็นจำนวนมาก ไหนจะเรื่องของเวลาการรับสมัครและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ในการรับรอง ยิ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการศึกษาสูงในโลกตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป นอกจากเรื่องวิชาการที่ต้องเก่งแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และทักษะการเอาตัวรอดในต่างแดนอีกด้วย สิ่งนี้เป็นเพียงแค่รายละเอียดคร่าว ๆ สำหรับการเรียนต่อเท่านั้น แต่หากนำปัจจัยเรื่องการขอทุนเรียนฟรีเข้ามาร่วมด้วย การแข่งขันก็จะยิ่งสูงขึ้น สิ่งที่ต้องคำนึงก็มีมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีโอกาสไปเรียนต่อในโลกตะวันตก ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะเรายังมีตัวเลือกที่ใกล้บ้านแต่มาตรฐานการศึกษาถือว่าสูงและได้รับการยอมรับในระดับโลกเหมือนกัน “มีทุนการศึกษาให้เลือกอย่างมากมาย” และเรียนจบออกมาแล้วอาจได้ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่น้อยหน้าใครอีกด้วย การศึกษาของสิงคโปร์ มีระบบที่ทันสมัยและถือว่าเป็นหนึ่งในการศึกษาที่มาตราฐานสูงมากในปัจจุบัน

ประเทศสิงคโปร์กับระบบการศึกษาระดับโลก

Singapore สิงคโปร์มีระบบการศึกษาที่ทันสมัยและก้าวล้ำเป็นอย่างมาก มีมาตรฐานในระดับสูงเริ่มตั้งแต่ปฐมวัยไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย มีโรงเรียนนานาชาติมากกว่า 30 แห่งและมหาวิทยาลัยเอกชน 5 แห่งติดอันดับต้น ๆ ของโลก ดังนั้น เราจึงมั่นใจได้ว่า หารการเรียนของเรานั้นคือการลงทุนแล้ว เราจะได้ผลการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

แทบไม่มีกำแพงทางภาษา

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่สิ่งที่เชื่อมกลุ่มคนที่หลากหลายเข้าด้วยกัน คือ “ภาษาอังกฤษ” เราจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเจออุปสรรคด้านภาษาเหมือนที่เราจะเจอเมื่อไปเรียนที่ประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เพราะไม่ว่าเราจะเรียนในห้องเรียนหรือใช้ชีวิตข้างนอก ภาษาอังกฤษก็เป็นภาษากลางในการสื่อสาร ดังนั้น เราจึงไม่ต้องคิดถึงเรื่องการลงทะเบียนเรียนภาษาอื่นเพื่อลงเรียนวิชาต่าง ๆ ไปถึงก็เริ่มเรียนได้เลย

ใกล้ประเทศไทย ใกล้มากๆ

คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่คนไทยย้ายไปทำงานที่สิงคโปร์ เพราะใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็บินถึงประเทศไทยแล้ว “เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าประเทศไทยเพียงแค่ 1 ชั่วโมง” ดังนั้น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการติดต่อไปหาอีกฝ่ายเหมือนเรียนที่ยุโรปหรืออเมริกาเพราะเรื่องความต่างของเวลา อีกทั้ง สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศภูมิภาคอาเซียน จึงทำให้เรื่องการปรับตัวทางวัฒนธรรมที่น่าจะคุ้นเคยกันดีและการเคลื่อนย้ายแรงงานในภูมิภาคเดียวกันค่อนข้างเอื้อต่อการไปศึกษาต่อ

บริษัทระดับโลกอยู่กันพร้อมหน้า

เมื่อเรียนจบออกมา ทางเลือกในการหางานอาจมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แถมมีโอกาสได้รับเลือกให้เข้าทำงานกับบริษัทระดับโลกด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, LinkedIn, Twitter และ Tencent มีสาขาอยู่ในสิงคโปร์ ทำให้เรามีโอกาสสมัครงานโดยตรงกับบริษัทเหล่านี้หลังเรียนจบ (หากได้รับอนุญาตให้ทำงานที่สิงคโปร์) โดยเฉพาะคนที่จบจาก National University of Singapore มักจะมีภาษีที่ดีในเรื่องเครือข่ายทางธุรกิจ เพราะทางมหาวิทยาลัยเสนอวิชาที่ใช้ปฏิบัติงานจริงและเปิดโอกาสให้ฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ จึงมั่นใจได้เลยว่ามีโอกาสเข้าถึงบริษัทข้ามชาติอย่างแท้จริง

การศึกษาของสิงคโปร์ ค่าเรียนและค่าครองชีพอยู่ในระดับมาตรฐาน

ไม่ปฏิเสธว่าค่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่สิงคโปร์แพงอยู่เหมือนกัน แต่หากเทียบกับประเทศที่มีระบบและมาตรฐานการศึกษาอยู่ในระดับสูงอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและยุโรปแล้ว สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับคืนมาหลังจากการเรียนจบ

ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศที่มีมาตรฐานทางการศึกษาสูงเหมือนกันแต่ยังอยู่ในละแวกเอเชียอย่างประเทศออสเตรเลียแล้ว ราคาค่าเรียนก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ยกตัวอย่างเช่น

ปริญญาโทสาขาการเงินของ National University of Singapore มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 60,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1,409,936.68 บาท) เมื่อเทียบกับปริญญาโทสาขาการเงินของ The University of Melbourne มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 57,242 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 1,378,668.42 บาท) แต่เมื่อนำปัจจัยอื่น ๆ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร รวมไปถึงชื่อเสียงของสิงคโปร์เรื่องศูนย์กลางทางการเงินในระดับโลก ทำให้หลักสูตรของสิงคโปร์อาจตอบโจทย์คนหลายกลุ่มและมีภาษีในเรื่องหน้าที่การงานที่ไม่ต่างกันมากนัก

มีทุนการศึกษาให้เลือก

สิงคโปร์เป็นประเทศที่ให้ทุนการศึกษาในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ลำพังเพียงแค่มหาวิทยาลัยลำดับต้น ๆ ของประเทศอย่าง Nanyang Technological University National University of Singapore และ Singapore University Technology and Design ก็ให้ทุนการศึกษาแบบจ่ายเต็มกับนักเรียนทั่วโลกแล้ว กระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ยังมีทุนสำหรับนักศึกษาจากภูมิภาคอาเซียนทั้ง 10 ประเทศให้สมัคร และยังมีทุนปริญญาเอกจากรัฐบาลโดยตรงอีกด้วย

ไกด์ในการสัครทุนการศึกษาของทาง NTU –> ลองเข้าไปค้นหาทุนได้ที่นี่ Scholarships

ที่เที่ยวและกิจกรรมที่มากมาย

หลายคนอาจคิดว่าการไปเที่ยวหรือไปอยู่ที่สิงคโปร์ใช้เวลาไม่กี่วันก็รอบเกาะแล้ว แม้มีความจริงอยู่บ้างเพราะด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเหมือนเกาะเล็ก ๆ แต่หากพิจารณากันอีกรอบ จะพบว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีพื้นที่ธรรมชาติ ความดั้งเดิม ความเจริญก้าวหน้าและแสงสีที่ผสมผสานจนกลายเป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายอยู่เหมือนกัน

หนึ่งในความน่าสนใจของการไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ก็คือ Night Cityscape นี่แหล่ะ การศึกษาของสิงคโปร์
หนึ่งในความน่าสนใจของการไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ก็คือ Night Cityscape นี่แหล่ะ

ถ้าหากชอบพวกสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายก็มี Garden by the Bay และ Marina Bay Sands หรือหากชอบพิพิธภัณฑ์ก็สามารถเข้าชม Art Science Museum และ National Museum of Singapore หรือจะ National Gallery Singapore จากนั้นก็ไปนั่งริมหาด ชมบรรยากาศของทะเลที่ Tanjong Beach Club ส่วนใครที่ชื่นชอบใกล้ชิดธรรมชาติ ก็สามารถไปเยี่ยมชม Singapore Botanic Gardens และ Night Safari หรือ Resorts World Sentosa ก็ได้ แต่หากใครชอบบรรยากาศค่ำคืน ถนน Orchard และย่าน Loof ก็ตอบโจทย์ บริหารจัดการเวลาและทรัพยากรดี ๆ การเรียนที่สิงคโปร์ถือว่าได้ประสบการณ์คุ้มค่าอยู่เหมือนกันนะ

ทั้งหมดคือข้อดีของการไปเรียนต่อที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งจะว่าไปก็ถือว่าคุ้มค่าไม่แพ้การไปเรียนที่ประเทศอื่นๆ นอกจากค่าเล่าเรียนที่ถูกกว่า มาตรฐานทางการศึกษาก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่เหมาะสมสำหรับคนไทยที่อยากไปเรียนต่อเป็นลำดับต้นๆเลยล่ะ

Owl Campus Team