การศึกษาต่อในต่างประเทศที่หลายคนคุ้นชินอาจเป็นระดับปริญญาบัณฑิต แต่รู้หรือไม่ว่า เด็กๆก็สามารถโกอินเตอร์ ไปเป็นเด็กนอกได้ตั้งแต่วัยเยาว์กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การแข่งขันของสถาบันศึกษาในไทยนั้นสูงขึ้นมากในแต่ละปี เด็กไทยหลายคนจึงคุ้นชินอยู่กับระบบการศึกษาไทยแบบเดิมๆ ซึ่งนั่นอาจดูไม่เพียงพอต่อการพัฒนาสู่สายอาชีพระดับโลกในอนาคต ดังนั้นแล้ว การส่งบุตร-หลาน ไปเรียนต่อยังต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็ก จึงเป็นอีกช่องทางดีๆที่จะส่งพวกเขาไปไขว่คว้าโอกาสอันยอดเยี่ยมได้
นอกเหนือจากการเรียนการสอนที่จะได้รับในต่างประเทศ ประสบการณ์ชีวิตในต่างแดน เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เป็นเหมือนผลพลอยได้จากการศึกษาเลยก็ว่าได้ค่ะ
‘นิวซีแลนด์’ เป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพชีวิต การศึกษา และความงดงามของอารยธรรม เป็นอีกหนึ่งประเทศขวัญใจเด็กไทย เหมาะแก่คนที่สนใจในเรื่องการศึกษาโดยเฉพาะ เนื่องจากที่นี่ค่อนข้างมีลักษณะที่สันโดษกว่า เงียบสงบ เต็มไปด้วยภูเขาและธรรมชาติ หรือเรียกง่ายๆว่า เหมาะกับคนที่หลงใหลในวิถีสโลว์ไลฟ์อย่างแท้ทรู การศึกษาต่อยังประเทศนิวซีแลนด์จึงเหมาะมาก กับการเข้าถึงการศึกษาระดับสากลและไม่มีสิ่งกวนใจให้กังวลเลยล่ะค่ะ แต่ก่อนจะไปศึกษาเส้นทางกว่าจะไปเรียนได้นั้น ก็ต้องทำความรู้จักระบบการศึกษาภายในประเทศนิวซีแลนด์เสียก่อน
พาทำความรู้จักกับระบบการศึกษา ‘ระดับชั้นมัธยม’ ในประเทศนิวซีแลนด์ฉบับย่อ ก่อนยื่นใบสมัคร!
มัธยมศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ แบ่งออกเป็นตอนต้นและตอนปลาย ในมัธยมศึกษาตอนต้น จะไม่เทียบเท่ากับมัธยม 1 – 3 ของไทย เด็กนักเรียนในคลาสนี้จะมีอายุ 11 และ 12 ปีเท่านั้น ตามระบบการศึกษาประเทศนิวซีแลนด์จะถูกเรียกว่า Year 7 และ Year 8 ตามลำดับ เป็นการเรียนการสอน สำหรับเตรียมตัวเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาโดยเฉพาะ คลาสนี้ถือเป็น 2 ปีที่อยู่ระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยและระดับชั้นมัธยม
ในส่วนมัธยมศึกษาตอนปลายนั้น เปรียบเทียบได้กับระดับมัธยมศึกษาโดยทั่วไป นักเรียนจะมีอายุระหว่าง 13 – 18 ปี จะถูกเรียกแทนว่า Year 9 – Year 13 ในคลาสเรียนเหล่านี้ “เด็กๆจะถูกสอนตามสาขาวิชา” มุ่งเน้นให้เกิดความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ จนพร้อมต่อการต่อยอดวิชาชีพและเลือกเส้นทางในระดับอุดมศึกษาของตัวเอง
NCEA หรือ National Certificate of Educational Achievement เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ ที่ถูกใช้กว่า 95% ของสถาบันศึกษา อยู่ภายใต้การควบคุมของ NQZA หรือ New Zealand Qualifications Authority องค์กรที่คอยดูแลและจัดการเรื่องการศึกษาโดยเฉพาะ ซึ่งเจ้า NCEA นี้ประกอบไปด้วย 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับที่ 1 เป็นคุณวุฒิที่นักเรียนจะได้รับใน Year 11 (อายุ 15 ปี)
- ระดับที่ 2 เป็นคุณวุฒิที่นักเรียนจะได้รับใน Year 12 (อายุ 16 ปี)
- และระดับที่ 3 นักเรียนจะได้รับใบคุณวุฒิใน Year 13 (อายุ 17 – 18 ปี)
ต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษไหม?
ในการสมัครเรียนต่อยังระดับชั้นมัธยมศึกษาในนิวซีแลนด์นั้น “ไม่จำเป็นต้องมีผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ” แต่จำเป็นต้องมีทักษะการสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน และโดยเฉพาะการเขียน เพราะฉะนั้นหากผู้ปกครองคนใดมีการวางแผนในระยะยาวให้กับบุตร-หลานแล้วล่ะก็ สามารถพาเด็กๆเข้าติวคอร์สภาษาเบื้องต้นจากสถาบันที่ไทยก่อนได้ เพื่อเตรียมความพร้อมของน้องๆให้ได้มากที่สุด สำหรับการเรียนยังนิวซีแลนด์ บางสถาบันจะมีการทดสอบความสามารถทางภาษา และหลายสถาบันก็ได้มีวิชาภาษาอังกฤษให้แก่เด็กนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะอีกด้วยค่ะ
7 STEP : เริ่มต้น – เตรียมตัว เส้นทางสมัครเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในนิวซีแลนด์
โดยทั่วไปการยื่นสมัครเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษานั้นจะเหมือนกันกับการสมัครเรียนในมหาวิทยาลัย
STEP 1: เลือกโรงเรียน
เราสามารถเริ่มต้นมองหาโรงเรียนในใจ จากปัจจัยด้านต่างๆ เช่น โรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน ขนาดเล็กหรือใหญ่ เป็นต้น ซึ่งหากใครเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะนิวซีแลนด์ ได้ให้บริการเว็บไซต์ของรัฐที่รองรับการค้นหาโรงเรียนทั่วประเทศอีกด้วย มีชื่อเว็บไซต์ว่า ‘Educationcounts.govt.nz/find-school’ โดยบนหน้าเว็บไซต์ดังกล่าวก็มาพร้อมกับฟังก์ชันทันสมัย สามารถค้นหาได้จากที่อยู่ – เมือง หรือ ค้นหาจากชื่อโรงเรียนที่รู้จักก็ยังได้ อีกทั้ง ระดับชั้นที่ต้องการ รวมถึงประเภทโรงเรียนที่ให้บริการรัฐบาล หรือ เอกชน ทุกปัจจัยสามารถปรับ-ลดได้ตามต้องการ
เมื่อเลือกตามปัจจัยที่ต้องการค้นหา ผลลัพธ์ก็จะปรากฏเป็นแผนที่ของสถาบันนั้นๆ พร้อมลิสต์รายชื่อโรงเรียนให้เลือกในอาณาบริเวรเดียวกัน แถมยังระบุประเภทโรงเรียนว่าเป็นระดับชั้นใด และสถาบันนั้นต้อนรับนักเรียนจาก Year ไหนเพิ่มอีกด้วย หากเราสนใจสถาบันการศึกษาแห่งใด ข้อมูลและโปรไฟล์โรงเรียนก็จะถูกให้บริการพร้อมสรรพ รวมถึงช่องทางการติดต่อทุกช่องทางอีกด้วย! ถือว่าตอบโจทย์ ครบ จบในเว็บฯเดียว!
STEP 2: เตรียมเอกสาร
เมื่อเลือกโรงเรียนได้ ขั้นตอนต่อไปจึงเป็นขั้นตอนสำคัญ อย่าง ‘การเตรียมเอกสาร’ อันได้แก่
- พาสปอร์ต
- ใบรับรองแพทย์
- ใบรายงานผลการเรียนและผลการสอบ
และอาจจะมีเอกสารอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับการร้องขอจากสถาบันศึกษา
STEP 3: จ่ายค่าสมัคร พร้อมยื่นแบบฟอร์ม
หลังจากที่เตรียมเอกสารพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาในการยื่นแบบฟอร์มพร้อมชำระค่าสมัคร
STEP 4: รอสัมภาษณ์
สถาบันศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์อาจเรียกสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวผ่านช่องทาง Skype, WeChat หรือ แอปพลิเคชันอื่นๆ
STEP 5: เข้ารับการประเมินภาษาอังกฤษ
ถ้าหากน้องๆไม่มีผลสอบภาษาอังกฤษ ทางสถาบันในประเทศนิวซีแลนซ์จะทำการประเมินทักษะการสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน และเขียนตามแต่ละสถาบัน อาจรวมไปถึงเงื่อนไขให้เรียนภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติก็เป็นไปได้ค่ะ
STEP 6: ส่งใบสมัคร
ส่งใบสมัครและชำระค่าเล่าเรียน อาจจ่ายเป็นเงินมัดจำ หรือ เต็มจำนวน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุจากสถานศึกษา
STEP 7: ขอวีซ่านักเรียน
หลังจากได้รับ ‘หนังสือตอบรับการเข้าเรียนจากสถานศึกษา’ และหากบุตร-หลาน มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องมีเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันเรื่องที่พักภายในประเทศนิวซีแลนด์เพิ่มเติม จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการยื่นขอวีซ่าในที่สุด โดยวีซ่าดังกล่าวคือ วีซ่านักเรียน (Student Visa) นั่นเอง
ส่วนในกระบวนการยื่นขอวีซ่า จะต้องอาศัยเอกสารและหลักฐานยืนยันที่มากขึ้น เช่น ใบตอบรับจากสถานศึกษา – เอกสารยืนยันเรื่องที่พัก – เอกสารการเงินที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงให้เห็นว่าจะมีเงินเพียงพอต่อการอยู่อาศัยระหว่างเรียน และที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ ประกันสุขภาพและประกันการเดินทาง
การไปเรียนยังต่างแดน เรื่องการปรับตัวและทักษะการเอาตัวรอดจะแตกต่างกับประเทศไทยค่อนข้างมาก ทำให้เด็กหลายคนอาจประสบปัญหาดังกล่าวได้ ผู้ปกครองจึงควรเตรียมแผนการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ให้แก่เด็กให้ได้มากที่สุดนะคะ แล้วถ้าหากมีโอกาสทาง Owl Campus จะชวนรุ่นพี่ที่เคยไปเรียนที่นิวซีแลนด์มาแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่น้องๆอย่างแน่นอน
Pair