ระบบการศึกษาของแต่ละประเทศมีหลากหลายแง่มุมที่แตกต่างกัน สำหรับระบบการศึกษาของฝรั่งเศส หรือ French Education System นั้น ขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องของหมวดหมู่การศึกษาที่มีความซับซ้อน ประเภทของประกาศนียบัตร และการทดสอบต่าง ๆ และที่สำคัญ โรงเรียนในฝรั่งเศสมีชื่อเสียงในด้านการศึกษาอย่างเข้มข้น โดยการศึกษาในโรงเรียนตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ถึง ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นการศึกษาแบบให้เปล่า รัฐบาลสนับสนุนค่าเล่าเรียนทั้งหมด และโรงเรียนยังจัดหาหนังสือให้ยืมใช้ตลอดปีการศึกษา
ทำไมถึงต้องเลือกการศึกษาในประเทศฝรั่งเศส ?
มีเหตุผลมากมายว่าทำไมการเข้าเรียนในฝรั่งเศสจึงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก ไม่เพียงแต่ค่าเล่าเรียนที่ต่ำที่สุด แต่ยังได้มีโอกาสในการสำรวจประเทศที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างฝรั่งเศส รวมถึงประโยชน์ของการได้รับการศึกษาและการฝึกอบรมจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกด้วย
“รัฐบาลฝรั่งเศสได้ออกนโยบายสนับสนุนการศึกษาอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 1998” เพื่อต้อนรับนักศึกษาต่างชาติเข้าสู่สถาบันการศึกษาของฝรั่งเศส ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้รับการแนะนำและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการอย่างเข้มข้น
สำหรับ 5 องค์ประกอบที่เป็นเหตุผลสำคัญ ให้นักศึกษาต่างชาติต่างสนใจเข้าไปเรียนในประเทศฝรั่งเศส ดังนี้ :
- รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนนโยบายของวีซ่าเพื่อสนับสนุนและให้ความสำคัญกับนักเรียนทุกคน
- รัฐบาลได้มีการก่อตั้ง Campus France Agency เพื่อส่งเสริมการศึกษาระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศสทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนักเรียนทุกคนที่สนใจศึกษาในประเทศฝรั่งเศส สามารถศึกษาเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ : www.campusfrance.org
- ปัจจุบันมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเพื่อมอบประกาศนียบัตรในประเทศ ให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
- รัฐบาลได้มีโครงการมากมายที่น่าสนใจเพื่อมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ และเพื่อสร้างสอดคล้องของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศสในระดับสากล
- การสมัครเรียนในสถาบันอุดมศึกษาในฝรั่งเศสเป็นเรื่องง่าย โดยนักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครเข้ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้มากถึง 20 แห่งด้วยใบสมัครเพียงใบเดียวบนเว็บไซต์
แนะนำอ่านต่อ : ทำความรู้จักกับทุน Franco-Thai ทุนเรียนต่อฝรั่งเศสไม่ต้องใช้คืน!
ระบบการศึกษาของฝรั่งเศส ประกอบด้วยระดับใดบ้าง ?
สำหรับการสมัครเข้าศึกษาของผู้ที่อาศัยในประเทศฝรั่งเศส จะเริ่มต้นด้วยการลงทะเบียนที่ศาลาว่าการท้องถิ่นในเขตที่อาศัย เมื่อนักเรียนจบการศึกษาในระดับชั้นอนุบาล โรงเรียนอนุบาลจะส่งตัวต่อให้โรงเรียนประถมศึกษาในเขตเดียวกัน และดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ดังนั้น ระบบการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสจึงไม่มีการสอบคัดเลือกเข้าเรียน ด้วยหลักการที่ว่า นักเรียนทุกคนไม่ว่าถือสัญชาติใดในโลก ก็มีโอกาสเท่าเทียมกันในการเข้ารับการศึกษาในประเทศฝรั่งเศส ตามหลัก “เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ” ซึ่งระบบการศึกษาของฝรั่งเศส จะประกอบด้วย : อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ระดับอนุบาล (Maternelle)
ระดับอนุบาลของฝรั่งเศส (Maternelle) หรือ เทียบเท่ากับระดับ Nursery school ของหลักสูตรอังกฤษ เหมาะสำหรับเด็ก อายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 6 ปีทั้งนี้ ก่อนการเรียนในระดับอนุบาล เด็ก ๆ ยังสามารถเข้ารับบริการรับเลี้ยงเด็ก (pré-maternelle) ตั้งแต่อายุ 2 ปี แม้ว่าการศึกษาในระดับ pre-maternelle และ maternelle จะไม่ได้ถูกบังคับในระบบการศึกษาของฝรั่งเศสก็ตาม แต่เด็กทุกคนก็ควรจะต้องลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนก่อนอายุ 6 ปีอยู่ดี
ในการศึกษาระดับอนุบาล “มุ่งเน้นการส่งเสริมการเรียนรู้และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นเป็นหลัก” เพื่อให้นักเรียนรู้สึกอยากไปโรงเรียนมากขึ้นตั้งแต่เด็ก ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะพูด การเขียนในเบื้องต้น โดยใช้วิธีการเรียนผ่านการเล่น การคิดแก้ไขปัญหา การลงมือทำ และการฝึกจำเป็นหลัก ทั้งนี้ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วงเลย เพราะในโรงเรียนจะมีทั้งครูเจ้าของภาษาและพี่เลี้ยงคอยดูแลนักเรียนเป็นอย่างดี
ระดับประถมศึกษา (Elementaire)
ระดับประถมศึกษาประกอบด้วยการศึกษา 5 ปี ตั้งแต่อายุประมาณ 6 ปี ถึง 11 ปี (คล้ายกับโรงเรียนประถมในสหรัฐอเมริกา หรือ Elementary school) โดยในแต่ละระดับการศึกษา จะมีอายุเฉลี่ย และ เนื้อหาหลักสูตร ดังต่อไปนี้ :
ระดับการศึกษา | อายุโดยเฉลี่ย (ปี) | เนื้อหาหลักสูตรการศึกษา |
---|---|---|
CP (1st grade) CE1 (2nd grade) CE2 (3rd grade) | 6-7 ปี 7-8 ปี 8-9 ปี | สำหรับการเรียนการสอนในช่วง 3 ปีแรกของระดับประถมศึกษา (CP, CE1 และ CE2) จะเน้นการฝึกฝนขั้นพื้นฐานในทักษะภาษาฝรั่งเศสและคณิตศาสตร์ นักเรียนจะได้รับการฝึกฝนเพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว การเรียนการสอนเกี่ยวกับศิลปะ ดนตรี พลศึกษา และเน้นส่งเสริมเรื่องหน้าที่พลเมืองและจริยธรรมตลอดระยะเวลา 3 ปี |
CM1 (4th grade) CM2 (5th grade) | 9-10 ปี 10-11 ปี | สำหรับการเรียนการสอนในช่วง 2 ปีสุดท้ายของระดับประถมศึกษา (CM1 และ CM2) ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนพัฒนาทักษะความรู้ พร้อมกับเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ และวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ เป็นต้น |
ระดับมัธยมศึกษา (Collège & Lycée)
ในระบบการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสนั้น หลังจากเรียนจบในระดับชั้นประถมศึกษา นักเรียนจะก้าวเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษา ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ขั้น ได้แก่ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Collège) และ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Lycée) ดังรายละเอียดต่อไปนี้ :
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Collège)
เหมาะสำหรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 11 ปี ถึง 15 ปี ซึ่งมีระยะเวลาการศึกษาทั้งหมด 4 ปี ที่เรียกในภาษาฝรั่งเศสว่า “6ème, 5ème, 4ème และ 3ème” (คล้ายกับโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นของสหรัฐอเมริกา) โดยเมื่อจบการศึกษาในระดับนี้ นักเรียนจะได้รับวุฒิการศึกษา ที่เรียกว่า “brevet des collèges”
สำหรับรายวิชาตามหลักสูตรของ มัธยมศึกษาตอนต้น จะประกอบด้วย : ภาษาฝรั่งเศส คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรม ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา เทคโนโลยี ศิลปะ ดนตรี พลศึกษา ภาษาต่างประเทส เป็นต้น
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น | อายุโดยเฉลี่ย (ปี) | เนื้อหาหลักสูตรการศึกษา |
---|---|---|
6ème (6th grade) | 11-12 ปี | นักเรียนในระดับนี้ จะได้มีโอกาสในการนำทักษะและความรู้ต่าง ๆ ที่สั่งสมมาจากระดับประถมศึกษา มาสร้างเป็นรากฐาน เพื่อพัฒนาและฝึกฝนการเรียนรู้ในรูปแบบการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษาต่อไป |
5ème (7th grade) 4ème (8th grade) | 12-13 ปี 13-14 ปี | นักเรียนจะได้โอกาสในการเรียนรู้ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น |
3ème (9th grade) | 14-15 ปี | นักเรียนจะต้องเรียนรู้ให้ครบตามหลักสูตรระดับมัธยมศึกษาตอนต้นก่อน เพื่อเตรียมตัวเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และในปลายปีการศึกษา นักเรียนจะมีการสอบเพื่อวัดผลและรับประกาศนียบัตรระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หรือที่เรียกว่า “Diplôme National du Brevet – DNB” |
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Lycée)
เหมาะสำหรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 15 ปี ถึง 18 ปี ซึ่งมีระยะเวลา 3 ปี ได้แก่ Seconde, Première และ Terminale หลังจากที่ศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว นักเรียนจะได้เข้าร่วม Lycée ในช่วง 3 ปีสุดท้ายของการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จากนั้นนักเรียนก็จะต้องทำแบบทดสอบเพื่อรับวุฒิการศึกษา “( bac ) baccalauréat” หรือเทียบเท่ากับประกาศนียบัตรมัธยมปลายของสหรัฐอเมริกา
และจากการปฏิรูปหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายและประกาศนียบัตร Baccalauréat ครั้งล่าสุด ก็ยังได้มีการยกเลิกสายวิชา เศรษฐศาสตร์-สังคมศาสตร์, ภาษาและวรรณคดี และวิทยาศาสตร์ และได้นำระบบใหม่มาใช้ เมื่อนักเรียนเรียนจบชั้น Seconde (มัธยมศึกษาปีที่ 4) “จะสามารถเลือกเรียนวิชาเฉพาะได้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 8 วิชาตามความสนใจ”
การศึกษาในระดับอุดมศึกษา (Higher Education System)
หลังจากเรียนจบในระดับชั้นมัธยมปลายตอนปลาย (Lycée) นักเรียนจะสามารถเลือกศึกษาต่อได้ทั้งในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ หลักสูตรโรงเรียนชั้นสูง หรือ ระดับมหาวิทยาลัย ดังนี้ :
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (Short Curriculum)
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ DUT (diplôme universitaire de technologie) และ BTS (brevet de technicien supérieur) เป็นหลักสูตรระยะสั้น 2 – 3 ปี (Short Curriculum) ซึ่งหลักสูตร BTS เปิดสอนโดยโรงเรียนมัธยม และหลักสูตร DUT ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัย โดยหลังจากจบหลักสูตร DUT และ BTS แล้ว นักเรียนอาจจะเลือกศึกษาเพิ่มเติมในส่วนที่สนใจอีกปีการศึกษา เพื่อนำไปสู่การได้รับใบอนุญาต (licence professionnelle) ได้
หลักสูตรโรงเรียนชั้นสูง (Grandes écoles)
หลักสูตรโรงเรียนชั้นสูง หรือ Grandes écoles มีความคล้ายคลึงกับมหาวิทยาลัย โดยเป็นสถาบันของรัฐและเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกมา โดยทั่วไปแล้วจะมีหลักสูตรการศึกษาเฉพาะทาง 3 ปี ในวิชาต่าง ๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ ธุรกิจ หรือการบริหารรัฐกิจ และนักเรียนจะได้เข้าเรียนโดยพิจารณาจากคะแนนสอบแข่งขัน และต้องเป็นนักศึกษาที่มีคุณสมบัติได้รับ “baccalauréat” มาก่อนและมักเรียนหลักสูตรเตรียมความพร้อมมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.cge.asso.fr
มหาวิทยาลัย (University Curriculum)
มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันของรัฐหรือเอกชนที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาด้านวิชาการ เทคนิค และวิชาชีพแก่นักเรียนที่ได้รับ “baccalauréat” หรือเทียบเท่าจากต่างประเทศมาแล้ว การศึกษาในมหาวิทยาลัยนำไปสู่ปริญญาในหลายสาขา โดยจะอยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า “The LMD Framework” ที่ย่อมาจาก Licence, Master และ Doctorat ดังนี้ :
Licence ระดับใบอนุญาต หรือ ระดับปริญญาตรี
หลักสูตรระดับปริญญาตรีในฝรั่งเศส มีในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง “เป็นหลักสูตรที่มีระยะเวลา 3 ปี เทียบเท่าระดับปริญญาตรีในประเทศอื่น ๆ” โดยในการเข้าเรียนระดับปริญญาตรีในฝรั่งเศส จะต้องมีประกาศนียบัตรมัธยมปลายหรือเทียบเท่า รวมทั้งมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดเพิ่มเติมของแต่ละมหาวิทยาลัยด้วย
สำหรับปีการศึกษาของระดับปริญญาตรี จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนของปีถัดไป และอาจมีการลงทะเบียนตลอดทั้งปีในบางสถาบันด้วย
ทั้งนี้ นักเรียนที่ต้องการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจะมีโอกาสได้รับปริญญานั้นได้ในหลักสูตรที่หลากหลาย ได้แก่ : ภูมิศาสตร์, เภสัชวิทยา, ประวัติศาสตร์ศิลปะ, ภาษาศาสตร์, สังคมวิทยา, วัฒนธรรมยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน, เทคโนโลยีการสื่อสาร, เทคโนโลยีสารสนเทศ, ภาษาฝรั่งเศสศึกษา, บริหารธุรกิจระหว่างประเทศ, ภาพยนตร์ศึกษา, การสื่อสารทั่วโลก, การเงิน, การเงินระหว่างประเทศ, วรรณกรรมศึกษา, ศิลปะสร้างสรรค์, จิตวิทยา, เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ, การเมืองระหว่างประเทศและเปรียบเทียบ และมีหลักสูตรวิทยาลัยอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเรียน รัฐบาลฝรั่งเศสให้เงินอุดหนุนมหาวิทยาลัยเสมอมา ดังนั้น “ค่าเล่าเรียนจึงถูกกว่าที่อื่นในยุโรปหรือแม้แต่ในอเมริกา” โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,770 ยูโรต่อปี (ประมาณ 105,300 บาท) สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี โดยค่าเล่าเรียนนี้อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยว่าเป็นของรัฐหรือเอกชน
Master ระดับวิชาชีพ หรือ ระดับปริญญาโท
หลักสูตรระดับปริญญาโทในฝรั่งเศส โดยทั่วไป มักใช้เวลา 2 ปี ถึง 6 ปี ขึ้นอยู่กับหลักสูตรและระดับความยากของมหาวิทยาลัยที่เลือก เช่น กฎหมาย ธุรกิจ หรือวิศวกรรมศาสตร์ หรืออาจเป็นปริญญาด้านการวิจัย “ซึ่งการศึกษาระดับปริญญาโท จะสามารถนำไปสู่การทำงานระดับปริญญาเอกต่อไป”
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเรียน รัฐบาลฝรั่งเศสให้เงินอุดหนุนมหาวิทยาลัยเสมอมา ดังนั้น ค่าเล่าเรียนจึงถูกกว่าที่อื่นในยุโรปหรือแม้แต่ในอเมริกา โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 3,770 ยูโรต่อปี (ประมาณ 143,000 บาท) สำหรับหลักสูตรปริญญาโท ค่าเล่าเรียนนี้อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยว่าเป็นของรัฐหรือเอกชน
Doctorat ระดับปริญญาเอก
“นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สามารถเรียนหลักสูตรเพิ่มอีก 3 ปีเพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับปริญญาเอก” และอาจเป็นระดับที่บังคับสำหรับบางสายวิชาการด้วย เช่น ปริญญาเอกเป็นข้อบังคับสำหรับแพทย์ที่ได้รับประกาศนียบัตรด้านการแพทย์ของฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งมีประเภทของการศึกษาปริญญาเอกในฝรั่งเศส ดังนี้ :
- Le doctorat simple เป็นการศึกษาที่ใช้เวลาประมาณ 3 – 6 ปี ในการเรียน โดยนักเรียนจะต้องลงทะเบียนและการสอบวิทยานิพนธ์ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
- Le doctorat en codirection เป็นการศึกษาที่นักเรียนจะต้องมีอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ 2 ราย อาจารย์ท่านหนึ่งอยู่ในมหาวิทยาลัยที่ลงทะเบียน ส่วนอีกท่านจะอยู่ในสถาบันอื่น ซึ่งอาจจะอยู่ในสาธารณรัฐฝรั่งเศสหรือในประเทศอื่น ๆ ก็ได้
- Le doctorat en cotutelle เป็นการศึกษาที่เมื่อสำเร็จการศึกษา จะได้รับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัย 2 แห่ง หรือปริญญาบัตร 1 ใบ ระบุมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่ง ซึ่งนักเรียนจะต้องลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่ง โดยแต่ละแห่งจะมีอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ 1 ราย
- Le doctorat en entreprise (CIFRE) เป็นการศึกษาปริญญาเอกในบริษัท โดยเป็นความร่วมมือของบริษัทและมหาวิทยาลัยของรัฐ นักเรียนจะมีอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ 1 รายที่มหาวิทยาลัย และผู้รับผิดชอบ 1 รายที่บริษัท โดยนักเรียนมีสถานะเป็นลูกจ้างของบริษัทและจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐด้วยไปพร้อมกัน
- Le doctorat européen conjoint / European Joint Doctorate เป็นการศึกษาที่เน้นโครงการที่สนับสนุนการค้นคว้าวิจัยและนวัตกรรมของสหภาพยุโรป ได้เปิดสำหรับนักศึกษาต่างชาติ โดยจะต้องทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยเป็นเวลา 3 ปี ในมหาวิทยาลัย 3 แห่ง ในประเทศยุโรป 3 ประเทศ
ลักษณะการเรียนและเกรดเป็นอย่างไร ?
สำหรับตารางเรียนของประเทศฝรั่งเศส โดยปกติจะเริ่มเวลา 8.00 น. และสิ้นสุดประมาณ 17.00 น. หรือ 18.00 น. ในวันพุธจะสิ้นสุดตอนเที่ยง แต่มีเรียนในช่วงเช้าของวันเสาร์ด้วย ซึ่งต่างจากในสหรัฐอเมริกา ที่มีวันเรียนปกติ เริ่มที่เวลา 7.30 น. และสิ้นสุดเวลาประมาณ 15.00 น.
สำหรับกิจกรรมหลังเลิกเรียนของประเทศฝรั่งเศส แทบจะไม่มีกิจกรรมนอกหลักสูตร และไม่มีชมรมในโรงเรียนมากมายนัก
แต่อาจมีวิชาหลักอย่าง หมากรุก, วิทยาศาสตร์ หรือ พลศึกษา ที่จำเป็นจะต้องเรียน 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ให้เข้าร่วมแทนกิจกรรมอื่น ๆ เป็นต้น
ผลการศึกษาหรือเกรด ในระบบการศึกษาของฝรั่งเศส ใช้ตัวเลขตั้งแต่ 0-20 เพื่อให้คะแนนนักเรียน แทนที่การใช้ตัวอักษร และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ “ในฝรั่งเศสจะไม่มีผ่อนปรนในเรื่องของเกรดเหมือนในระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา” เช่น ในสหรัฐอเมริกา เรามักเห็นเกรด A+ ที่มักใช้เพื่อให้กำลังใจและทำให้นักเรียนรู้ว่าพวกเขาทำได้ดีมาก
แต่ในระบบการให้คะแนนของการศึกษาแบบฝรั่งเศส การได้ A นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะการได้ 16 คะแนน ก็ถือว่าดีเลยทีเดียวแล้ว ดังนั้น ในสหรัฐอเมริกา จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคุณต้องเรียนซ้ำทั้งปีการศึกษา “แต่ในระบบการศึกษาของประเทศฝรั่งเศส เป็นเรื่องปกติมากที่จะเปิดปีการศึกษาซ้ำ” หากนักเรียนไม่ได้เกรดเฉลี่ยที่ต้องการหรือสอบไม่ผ่านนั่นเอง
ประเทศฝรั่งเศส ดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
ไม่ว่านักเรียนจะมาจากประเทศใด นักเรียนจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากฝรั่งเศส เพราะฝรั่งเศสมีความหลากหลายอย่างมาก แม้ว่าจะมาจากต่างประเทศ ต่างวัฒนธรรม และแม้ว่าจะไม่รู้จักใครหรือสถานที่ใด ๆ ในฝรั่งเศสเลยก็ตาม
แต่หากจะแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบการศึกษาของประเทศฝรั่งเศส อาจลองศึกษาภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติม ควบคู่กับภาษาอังกฤษ เพื่อให้สนุกและมีความสุขกับการเรียนการสอน และการใช้ชีวิตในประเทศฝรั่งเศสมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุด “ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและมีค่าเล่าเรียนที่ต่ำมาก” ตามที่กล่าวมาข้างต้น และแน่นอนว่า น้อง ๆ นักเรียนจะได้รับโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้นักวิชาการระดับสูงที่มีชื่อเสียง เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมตามแบบฉบับของฝรั่งเศส และได้เรียนรู้การพูดภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น หากน้อง ๆ รู้ตนเองแล้วว่าต้องการสิ่งเหล่านี้ “ประเทศฝรั่งเศส อาจเป็นคำตอบที่ดี สำหรับการศึกษาที่น้อง ๆ ต้องการ”