“การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ” ปัจจุบัน หลายคนอาจได้เห็นวลีนี้บ่อย ๆ ตามโลกโซเชียลมีเดีย ถึงแม้จะเป็นวลีที่แอบแฝงไปด้วยนัยยะตลกขบขัน หรือเสียดแทงกันบ้างแล้วแต่บริบท ถึงอย่างนั้น เราต่างไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า การศึกษา เป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ นั่นแหละ ที่สำคัญ มันไม่เพียงแค่สำคัญแบบปกติทั่วไป ต้องใช้คำว่า สำคัญมาก!! ถึงจะถูก เนื่องจากรากฐานในการประกอบอาชีพต่าง ๆ รวมไปถึงการประสบความสำเร็จได้นั้น ก็ล้วนแต่ต้องปูทางมาด้วยการศึกษาทั้งนั้น
และหากจะกล่าวถึงการศึกษา “การเรียนต่อต่างประเทศ” ได้กลายมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดฮิตสำหรับเยาวชนคนไทยมาอย่างยาวนาน อย่างที่รู้กันดี การศึกษาในประเทศเรานั้น ต้องอาศัยการไขว่คว้ามากเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ระบบการศึกษาของเรายังไม่อาจเทียบเคียงได้สักเท่าไหร่ รวมไปถึงบริบททางสังคม วัฒนธรรม และความคล่องแคล่วทางภาษาสากล ทำให้การเรียนต่อในประเทศที่ถือครองระบบการศึกษาระดับโลกนั้น เต็มไปด้วยโอกาส และการเรียนรู้ที่ได้คุณภาพเน้น ๆ โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยการแข่งขันสูงลิ่ว ไม่ว่าจะการเรียนหรือทำงาน เรียกได้ว่าใครมีความสามารถที่โดดเด่นกว่า ก็ถือว่าได้เปรียบเห็น ๆ
ส่งผลให้กระแสเรียนต่อต่างประเทศ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในสังคมไทย จนทำให้เกิดสถาบันให้คำปรึกษาต่าง ๆ นานา แต่ถึงอย่างนั้น น้อง ๆ ที่สนใจก็จำเป็นต้องรู้กระบวนการ ขั้นตอน หรือแม้แต่สิ่งที่ควรรู้และควรทำ เพื่อเช็กความพร้อมเบื้องต้นให้กับตัวเอง ว่าเราขาดเหลือจุดไหน จะได้เตรียมตัวให้ดีที่สุดก่อนไปเรียนต่อ
7 สิ่งที่ควรทำและควรรู้ ก่อนตัดสินใจเรียนต่อต่างประเทศ!
หลายคนอาจมองว่า เมื่อรู้ตัวว่าอยากไปเรียนต่อ ก็แค่ปรึกษาเอเจนท์ก็ไม่เห็นยากเย็นอะไร แต่ความจริงแล้ว เราเองก็ต้องเตรียมตัวและรู้ขั้นตอนคร่าว ๆ ก่อนไปปรึกษา เพื่อความเข้าใจในทันที และส่งผลให้ขั้นตอนเชิงวิชาการต่าง ๆ รวดเร็วขึ้นไปอีก
1. ตั้งเป้าหมายและเริ่มวางแผน
อันดับแรก เราจำเป็นต้องมีเป้าหมาย ต้องตั้งคำถามกับตัวเองให้ได้ว่า “ทำไมถึงอยากไปเรียนต่างประเทศ” บางคนก็อาจไปด้วยเป้าหมายเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ บ้างก็มุ่งมั่นที่จะไปไขว่คว้าหาคุณวุฒิการศึกษาขั้นสูงในประเทศมหาอำนาจ และเมื่อมีเป้าหมาย ก็ต้องเริ่มวางแผนคร่าว ๆ ไม่ว่าจะ ระยะเวลา สั้น-ยาว ระดับการศึกษา หรือ ช่วงเวลาที่คิดไตร่ตรองเอาไว้ เพื่อให้ตรงกับความพร้อมของเรามากที่สุด ที่สำคัญ เมื่อมีแผน 1 เราจำเป็นต้องมีแผน 2 เพราะการวางแผนการศึกษาต่อ ไม่ว่าจะเวลาใด เราต้องเตรียมรับมือที่จะเผชิญความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
2. ค้นหาคอร์สเรียน / โปรแกรม
สิ่งต่อไปที่ต้องรู้ หลังจากวางเป้าหมายว่าทำไมต้องไปเรียนต่อ ก็ต้องคิดต่อว่า แล้วโปรแกรมไหนที่จะมาเติมเต็มเป้าหมายนั้น อย่างที่กล่าวไป หากใครใคร่เรียนต่อด้านภาษา ก็ควรโฟกัสที่คอร์สเจาะลึกภาษา แต่หากใครใคร่เรียนต่อระดับปริญญา ก็ต้องโฟกัสไปที่ตัวหลักสูตร สาขาและมหาวิทยาลัย ในประเทศแนวหน้าด้านการศึกษาต่อ มักมีข้อมูลเพียบพร้อมต่อการเฟ้นหาอยู่แล้ว เพียงแค่เราต้องรู้ก่อนว่า โปรแกรมใด ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้ด้านไหน หากเราตั้งใจที่จะเรียนภาษาเพิ่มแค่ไม่กี่เดือน โปรแกรมภาษาอังกฤษระยะสั้น 6 เดือน – 1 ปี ก็มักมีเนื้อหาเพียงพอ
แต่หากน้อง ๆ คนไหน เพิ่งจบชั้นมัธยมศึกษา และอยากไปเล่าเรียนปริญญายังต่างแดน สิ่งที่ต้องคำนึงในข้อนี้ คืออยากไปต่อหลักสูตรอะไร สาขาไหน ที่มหาวิทยาลัยใด นี่คือคำถามที่น้อง ๆ ต้องค้นหาคำตอบมาใส่ให้ได้ เพราะนั่นจะทำให้น้อง ๆ ไปต่อในขั้นต่อไปได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น บางมหาวิทยาลัยยังได้มอบทุนการศึกษาในบางสายวิชาให้แก่นักเรียนต่างชาติอีกด้วย การที่เราค้นพบทางที่ใช่ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะยิ่งทำให้เรามีโอกาสที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
3. มองหาประเทศและเมืองที่ตอบโจทย์
ประเด็นต่อไป ประเทศที่ใช่ หรือ เมืองที่ชอบ ก็เป็นอีกข้อที่ต้องใส่ใจ เพราะการศึกษาต่อไม่ว่าจะระยะสั้น หรือ ระยะยาว เราล้วนแต่ต้องไปอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น ๆ เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของการไปใช้ชีวิตในต่างแดน คือ ความมีเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง บางเมืองจะมีความเฟลนด์ลี่ขี้เล่นในฉบับของตัวเอง บางเมืองก็ให้ฟีลสโลว์ไลฟ์ สไตล์เนิบนาบแต่ทรงเสน่ห์
คำถามต่อมาคือ “แล้วจะหาเมืองที่ใช่ ประเทศที่ชอบได้ยังไง?” คำตอบง่าย ๆ และทำไม่ยากนัก คือการตั้งเป้าประเทศที่สนใจขึ้นมาก่อน แล้วศึกษาว่าเมืองไหนในประเทศเหล่านั้น ที่มีเสน่ห์และเหมาะกับเป้าหมายของเราบ้าง อย่างง่ายที่สุด อาจจะลองมองหาประเทศอันเป็นที่นิยมของเหล่านักเรียนต่างชาติก็ได้ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา หรือ นิวซีแลนด์ นอกจากนี้ การเลือกสถานที่ให้ตรงไทป์กับนิสัยส่วนตัวจะยิ่งทำให้เรา enjoy และมีความสุขกับการใช้ชีวิตยิ่งขึ้นด้วยนะ
4. ศึกษาค่าครองชีพ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่อง เงิน ๆ ทอง ๆ ก็สำคัญไม่แพ้สิ่งอื่น การเลือกเมืองที่ถูกใจแต่ไม่สบายกระเป๋า เราก็อาจต้องแบกรับภาระมากจนเกินไป ยังมีอีกหลายประเทศ หลายเมืองที่มีค่าครองชีพดีต่อใจ ปลอดภัยต่อเงินในบัญชี! หรือที่เรามักรู้จักในนาม Affordable Country / City ซึ่งบนโลกนี้ มีประเทศแนวหน้าในการศึกษาอยู่หลายแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพถูก ที่สำคัญ ค่าเงินของแต่ละประเทศก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน
แนะนำอ่าน : ค่าครองชีพในออสเตรเลีย, ค่าครองชีพในนิวซีแลนด์, ค่าครองชีพในอังกฤษ, ค่าครองชีพในแคนาดา
หรือมากไปกว่านั้น ในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานพาร์ทไทม์รายชั่วโมงได้ยามว่างจากคอร์สเรียนอีกด้วย เพื่อเป็นการเอื้อให้นักเรียนต่างชาติเหล่านั้นเข้ามาซึมซับ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างพลเมืองได้อีกทางหนึ่ง และยังเป็นการแบ่งเบาภาระการเงินของเด็ก ๆ ในทางอ้อมได้อีกด้วย!
5. ระดับความเชี่ยวชาญภาษา
แน่นอนว่า จะไปเรียนต่อถึงต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้วยคอร์สหรือโปรแกรมใด จะไปด้วยตนเองหรือทุนการศึกษา ก็ล้วนจะต้องมีระดับความเชี่ยวชาญทางภาษาประเทศนั้น ๆ อยู่ด้วย แต่ละโปรแกรมก็จะมีข้อกำหนดที่ต่างกัน เช่น หากวางแผนจะไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเริ่มต้น ก็อาจไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษมากมายนัก บางคอร์สไม่จำเป็นต้องมีผลสอบภาษาไปก่อน และมักมีการวัดระดับความรู้เบื้องต้นตามเงื่อนไขของสถาบัน เพื่อจัดสรรคอร์สที่ตอบโจทย์ หากแต่เป็นโครงการที่อาศัยทุนการศึกษา หรือ ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โปรแกรมเหล่านี้มักมีการร้องขอผลสอบภาษาแทบจะ 99% โดยผลสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากล ได้แก่ IELTS (ขั้นต่ำ IELTS 5.5 – 6.0) และ TOEFL
ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย Massachusettes Institute of Technology, USA ได้กำหนดผลสอบทางภาษาที่สามารถยอมรับได้ ได้แก่ IELTS (ขั้นต่ำขึ้นอยู่กับสาขา) และ TOEFL Internet-based 90 หรือ paper-based 577.
ถึงแม้จะมีมหาวิทยาลัยนานาชาติอีกไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ไม่กำหนดผลสอบทางภาษาใด ๆ เลย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ภาษาไม่ใช่สิ่งจำเป็น บางสถาบันจะมีการจัดสอบเป็นของตัวเอง ซึ่งผู้เรียนจะต้องผ่านการทดสอบสุดหินนั้นให้ได้เสียก่อน!
6. เรียนรู้วิถีชีวิตก่อนตัดสินใจ
หลายคนมักเกิดอาการลังเลในตัวเลือกที่มี จะไปไหนดีระหว่างที่นี่กับที่นั่น อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ที่จะมาเป็นตัวช่วยชั้นดี คือการศึกษา – หาอ่านวิถีชีวิตของชาวเมืองที่นั่นหรือพลเมืองประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะผ่านข่าวหรือแม้แต่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ต่างแดนบนโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งยุคสมัยดิจิทัลนี้ ที่มักมีรีวิวผู้เรียน / ผู้ใช้ชีวิตตัวจริงเสียงจริงในต่างแดน มาให้เราได้อ่านกันอยู่บ่อย ๆ บอกเลยว่าบทความเหล่านั้น มันมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อย ๆ เราจะได้รู้จักและเรียนรู้วิถีชีวิตของประเทศในใจที่เราอยากไปเรียนต่อในอนาคตได้อย่างง่ายดาย
แนะนำอ่าน : จากนักเรียนแลกเปลี่ยนเกาหลี… สู่นักเรียนทุนรัฐบาล
7. การขอวีซ่า (Visa Proceed)
ประเด็นที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ นั่นก็คือ ขั้นตอนของการขอวีซ่า ของคู่กันของนักเรียนต่างชาติ การจะไปเล่าเรียนต่อยังต่างแดน แทบทุกประเทศ เราจำเป็นต้องมีการขอวีซ่านักเรียน หรือ ใบอนุญาตเรียนก่อน (Study permit) เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เรียนต่อยังประเทศนั้น ๆ ได้ ซึ่งในขั้นตอนนี้เอง ที่จะอยู่แทบอันดับท้าย ๆ ของเส้นทางการโกอินเตอร์ แต่ถึงแม้จะเป็นขั้นตอนหลัง แต่กลับเป็นขั้นตอนที่สำคัญและบีบหัวใจมากที่สุด เพราะหากเราได้รับการตอบรับจากสถาบัน แต่ไร้ซึ่งวีซ่าเดินทาง ก็ไม่สามารถที่จะไปเรียนต่อได้อย่างใจหวัง ขั้นตอนเหล่านี้เราจึงจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการขอวีซ่า หรือที่เรียกว่า ‘เอเจนท์’ นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามการจะเลือกใช้บริการเอเจนท์นักเรียน เราเองก็ต้องมีความละเอียดรอบคอบมากพอสมควร และต้องรู้จักที่จะเลือกใช้บริการร่วมด้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือ 7 ประเด็นสำคัญที่อยากให้ คนสนใจไปเรียนต่อต่างประเทศทุกคน คำนึง ใส่ใจและให้ความสำคัญในประเด็นเหล่านี้ให้มาก ๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้เราเข้าใจในตัวเองและรับรู้ความต้องการของตนเองแล้วนั้น ยังจะช่วยให้ขั้นตอนของเส้นทางการไปเรียนต่อนั้นง่ายและรวดเร็วขึ้นอีกด้วยนั่นเอง!
