นอกเหนือจากเรื่องมาตรฐานการเรียนแล้วนั้น ‘ออสเตรเลีย’ ยังเป็นประเทศที่นักเรียนต่างชาติ รวมถึงเด็ก ๆ จากประเทศไทย เลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางหลัก จากปัจจัย ‘ค่าครองชีพ’ เนื่องด้วยเป็นประเทศที่ไม่ได้มีค่าครองชีพที่สูงมากนักและการเดินทางที่ไม่ไกลจนเกินไป ด้วยปัจจัยด้านนี้เอง ‘ออสเตรเลีย’ จึงเป็นประเทศยอดนิยมของนักเรียนต่างชาติและนักเรียนจากไทยในที่สุด

ถึงแม้ค่าครองชีพที่ออสเตรเลียจะสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย จากสถิติบนเว็บไซต์ Numbeo.com เผยให้เห็นชัดเจนว่า อัตราค่าใช้จ่ายในออสเตรเลียนั้นสูงกว่าไทยถึง 77.74% แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อแลกมาด้วยมาตรฐานระดับโลกแล้วก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว นอกจากนี้ออสเตรเลียยังมีค่าครองชีพที่ถูกกว่าสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรอีกด้วย จึงเหมาะกับเด็กนักเรียนมองหาโอกาสดีๆและมีกำลังทรัพย์ไม่สูงมาก อีกทั้งนักเรียนต่างชาติในออสเตรเลียยังได้รับอนุญาตให้ทำงานพาร์ทไทม์ได้ จึงสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง

หน่วยงานในรัฐบาลออสเตรเลีย Department of Home Affairs ได้เคยแนะนำไว้ว่า การอยู่อาศัยในออสเตรเลียใน 1 ปีนั้นควรจะมีหลักฐานการเงินประมาณ 20,290 ดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นเงินไทยประมาณ 480,000 บาท และหากมีผู้ติดตามมาด้วยจะต้องบวกเพิ่มไปอีก 7,100 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 169,000 บาท  ถึงแม้จะมีมาตรฐานอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองออสเตรเลีย แต่การใช้ชีวิตจริงในออสเตรเลียอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ จากไกด์ไลน์การเรียนต่อยังออสเตรเลียได้แนะนำอัตราค่าครองชีพโดยเฉลี่ย ระหว่าง 170 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ถึง 440 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 4,000 – 10,000 บาท

7 สิ่งที่ต้องคำนวณและใส่ใจ สำหรับค่าใช้จ่ายก่อนไปเรียนต่อ!

ค่าเล่าเรียน

ค่าเล่าเรียน เช่น ค่าเทอม ค่าลงทะเบียน ค่าอุปกรณ์การเรียน

  • ในระดับปริญญาตรี มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ ระหว่าง 310,000 – 700,000 บาท
  • ในระดับปริญญาโท มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ ระหว่าง 550,000 – 800,000 บาท
  • ในระดับปริญญาเอก มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ ระหว่าง 270,000 – 800,000 บาท

ทั้งนี้ในการเรียนคอร์สภาษาอังกฤษหรือคอร์สวิชาชีพต่างๆมักมีค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับสถาบันนั้นๆ

ค่าที่พัก

เริ่มต้นที่ 90 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,100 บาท

ค่ายานพาหนะเดินทาง

ขนส่งมวลชนสาธารณะที่ออสเตรเลียนั้นมีให้เลือกทั้ง รถบัส รถราง และรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งสามารถใช้บัตรรายเดือนเพียงใบเดียวได้ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยปกติแล้ว มีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 150 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อเดือน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,500 บาท

ค่าอาหาร

สำหรับมื้ออาหารทั่วไป จะมีค่าใช้จ่าย เฉลี่ยอยู่ที่ 20 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อ 1 มื้อ หรือประมาณ 478 บาท แต่สำหรับใครที่สามารถทำอาหารได้ การซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารเองจะเป็นอีกแนวทางในการประหยัด ยกตัวอย่างวัตถุดิบ เช่น

  • ไข่ไก่ 12 ฟอง ราคา 4.74 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 113 บาท
  • เนื้อไก่ 1 กิโลกรัม ราคา 10.84 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 259 บาท
  • ข้าวสาร 1 กิโลกรัม ราคา 2.72 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 65 บาท
  • น้ำเปล่า 1.5 ลิตร ราคา 2.27 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 54 บาท

 ทั้งนี้ราคาวัตถุดิบจะผันผวนตามฤดูกาล ในซุปเปอร์มาเก็ตส่วนมากมักจะมีการจัดโปรโมชั่นอยู่เสมอ ซึ่งอาจทำให้เราได้วัตถุดิบที่มีราคาถูกลงกว่าเดิม

ค่าสิ่งอำนวยความสะดวก

สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป เช่น ค่าไฟ ค่าเครื่องทำความร้อน ในที่พักอาศัยจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 220 ดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,200 บาท

ส่วนค่าอินเทอร์เน็ต จะขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการนั้นๆ โดยปกติ มีอัตราค่าบริการเฉลี่ย 76 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อเดือน หรือประมาณ 1,800 บาท

ค่ากิจกรรมนันทนาการ

ค่ากิจกรรมนันทนาการ เช่น ดูหนัง ละครเวที สำหรับนักเรียนที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียนานแรมปี กิจกรรมพักผ่อนและนันทนาการจึงเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ไม่ควรละเลย และต้องคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอาไว้ล่วงหน้า

  • สำหรับค่าใช้จ่ายในการดูหนัง อยู่ที่ 18 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อ 1 ที่นั่ง หรือประมาณ 430 บาท
  • ฟิตเนสรายเดือนสำหรับผู้ใหญ่ 1 ท่าน อยู่ที่ 64.98 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อเดือน หรือประมาณ 1,550 บาท

ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ

อีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่สำคัญ คือค่าเดินทางโดยเครื่องบินทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านนี้จะขึ้นลงเสมอขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์นั้นๆ

7 สิ่งข้างต้นนี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่นักเรียนต่างชาติทุกคนควรวางแผนและคำนวณให้เพียงพอก่อนตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อยังออสเตรเลีย เพราะเมื่อไหร่ที่คำนวณน้อยจนเกินไปก็อาจทำให้เราประสบปัญหาทางการเงินขณะเรียนได้

นอกจากนี้ สถานที่และเมืองที่เลือก จะเป็นอีกตัวแปรสำคัญต่อค่าครองชีพในการอยู่อาศัยยังประเทศออสเตรเลีย เมืองใหญ่อย่างซิดนีย์และเมลเบิร์น ก็จะมีค่าครองชีพที่สูงกว่าเมืองอื่นๆ ส่วนเมืองที่รองลงไปอย่าง แอดิเลด หรือ เพิร์ท ก็จะมีค่าครองชีพที่ถูกลงมา นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเองพึงพอใจกับเมืองไหน และมีกำลังทรัพย์เพียงพอต่อการอยู่อาศัยหรือเปล่า โดยปกติแล้วนักเรียนต่างชาติจากไทยมักเลือกเมืองจากสถาบันศึกษาที่ตนเองชื่นชอบและไว้วางใจเป็นหลัก

4 เมืองค่าครองชีพถูกในออสเตรเลีย เหมาะแก่นักเรียนต่างชาติ

โกลด์โคสต์

หนึ่งในเมืองขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพถูกสำหรับนักเรียนต่างชาติมาเสมอ เป็นถิ่นฐานของมหาวิทยาลัยชื่อดังในออสเตรเลีย เช่น Griffith University หรือ Southern Cross University

โกลด์โคสต์ หนึ่งในเมืองขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพถูกสำหรับนักเรียนต่างชาติ
โกลด์โคสต์ หนึ่งในเมืองขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพถูกสำหรับนักเรียนต่างชาติ

ถึงแม้ไม่ใช่เมืองธุรกิจใหญ่ของออสเตรเลีย แต่โกลด์โคสต์ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศ แถมสไตล์การใช้ชีวิตก็ไม่วุ่นวายนัก เหมาะแก่คนชอบความสงบและวิถีสโลว์ไลฟ์

แอดิเลด

แม้ว่า แอดิเลดจะเป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่นมาเป็นอันดับ 5 ของออสเตรเลีย แต่กลับกลายมาเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพถูกเป็นอันดับ 2 รองจากโกลด์โคสต์ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของที่นี่ได้แก่ University of Adelaide, University of South Australia และ Flinders University

บริสเบน

นอกจากจะเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของออสเตรเลีย ‘บริสเบน’ ยังเป็นเมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ หนึ่งในเมืองที่มีความสวย – งดงามที่สุด มีค่าครองชีพที่ถูกไม่เพียงแต่ในออสเตรเลียแต่ยังติดโพลในการจัดอันดับระดับทั่วโลกอีกด้วย มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่เรามักคุ้นหูกันได้แก่ University of Queensland, Queensland University of Technology และ Torrens University

แคนเบอร์รา

หลายคนอาจคุ้นชินกับ ‘ซิดนีย์’ จนคิดว่านั่นคือเมืองหลวงของออสเตรเลีย แต่รู้หรือไม่ว่า ‘แคนเบอร์รา’ คือเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของออสเตรเลียที่แท้จริง แถมยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดเป็นอันดับที่ 99 ของโลก เป็นเมืองก่อตั้งของมหาวิทยาลัยเลื่องชื่อของออสเตรเลีย เช่น ANU หรือ Australian National University และ University of Canberra

ถึงแม้ ‘ค่าครองชีพ’ อาจเข้ามามีบทบาทหลักต่อการตัดสินใจในการเรียนต่อยังประเทศออสเตรเลีย แต่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือการได้เลือกเมืองที่ใช่ สถาบันที่ชอบ ที่ตอบโจทย์ต่อวิถีชีวิตเรามากที่สุด จะทำให้เรามีความสุขในการเรียนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Owl Campus Team