ใน EP นี้จะขอมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสมัครเข้าเรียนที่ University of Toronto และ University of British Columbia ของลูกสาว หลังจากที่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อในแคนาดาและมหาวิทยาลัย top 3 ของแคนาดามาแล้วใน EP ก่อนหน้านี้ค่ะ

แนะนำอ่านก่อน : Top 3 มหาวิทยาลัยในแคนาดา มีสาขาอะไรน่าสนใจบ้าง!?

มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในแคนาดา ใช้ระบบการศึกษาสองภาคคล้ายกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดย

  • ภาคการศึกษาแรกเริ่มในเดือนกันยายนและสิ้นสุดในเดือนธันวาคม
  • ภาคการศึกษาที่สองโดยทั่วไปจะเริ่มในเดือนมกราคมและสิ้นสุดในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม

โดยปกตินักศึกษาจะใช้เวลาสี่ปีในการเรียนจบหลักสูตรปริญญาตรี “แต่บางกรณีอาจสามารถสำเร็จการศึกษาเร็วกว่านั้นได้”

โดยทั่วไปแล้วโปรแกรมการศึกษาแต่ละหลักสูตร แม้ในอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันอาจมีข้อกำหนดการรับเข้าเรียนที่แตกต่างกัน น้องๆ ที่สนใจสมัครเรียนอาจต้องเข้าไปอ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยอย่างละเอียดเพื่อให้เข้าใจข้อกำหนดต่าง ๆ

เรียนต่อแคนาดา ป.ตรี เตรียมตัวสมัครมหาวิทยาลัยชั้นนำในแคนาดาอย่างไรให้ผ่านฉลุย!!
เตรียมตัวสมัครเรียนมหาวิทยาลัย เรียนต่อแคนาดา ป.ตรี อย่างไรให้ผ่านฉลุย!!

ในการสมัครสำหรับคณะและโปรแกรมที่น้อง ๆ สนใจ วันเปิดและปิดรับสมัครก็อาจแตกต่างกันไปตามมหาวิทยาลัยและสาขาวิชาที่เลือกสมัครด้วยค่ะ ส่วน Deadline ในการยื่นใบสมัครโดยทั่วไปมีตั้งแต่มกราคมถึงเมษายนสำหรับการเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ ภาคฤดูหนาว (Winter) ซึ่งมักจะเปิดเทอมในเดือนกันยายนของทุก ๆ ปี.

English Language Requirements

นักเรียนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักอย่างเช่นนักเรียนส่วนใหญ่ในประเทศไทย จะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างแรกก่อนยื่นใบสมัคร

สำหรับ University of Toronto และ University of British Columbia ที่ลูกสาวตั้งใจไปสมัครเรียนต่อนั้น มีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปแต่ละสาขาวิชา แต่คณะที่ลูกสาวจะสมัคร ในปีการศึกษา Winter 2021/2022 ข้อกำหนดด้านภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาต่างชาติมีหลากหลายให้ผู้สมัครเลือกสอบได้ เช่น

  • Cambridge Assessment
  • Canadian Academic English Language Assessment (CAEL)
  • Canadian Test of English for Scholars and Trainees (CanTEST)
  • Duolingo English Test (DET)
  • Pearson Test of English (PTE)

และการสอบที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายและมีเปิดสอบทั่วไปในประเทศไทยคือ International English Language Testing System (IELTS) และ Test of English as a Foreign Language (TOEFL) ซึ่งทั้ง 2 มหาวิทยาลัยมีข้อกำหนดคะแนนขั้นต่ำในการสมัคร ดังนี้

University of British Columbia

TOEFLIELTS
Overall: 90
Reading: 22
Listening: 22
Writing: 21
Speaking: 21
6.5
(โดยไม่มีหมวดใดต่ำกว่า 6)

University of Toronto

TOEFLIELTS
Overall: 100
(22 on Writing)
6.5
(โดยไม่มีหมวดใดต่ำกว่า 6)

การเตรียมตัวและวางแผนในการอ่านหนังสือ

เมื่อน้องๆ ตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยที่จะสมัครได้แล้ว สิ่งสำคัญคือการเช็ค Deadline ของการส่งใบสมัครของปีการศึกษานั้น และใช้วันนั้นเป็นจุดในการวางแผนสอบ IELTS หรือ TOEFL และ SAT ล่วงหน้า

ขอยกตัวอย่างการสมัครลูกสาว ซึ่งตั้งใจจะยื่นสมัครภายในเดือนธันวาคม ปี 2020 จึงไปเริ่มไปสอบ IELTS ในเดือนมิถุนายน และ SAT เดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน และแน่นอนว่าต้องวางแผนในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบมาก่อนหน้านั้นอีกหลายเดือน

ซึ่งในการเตรียมสอบ IELTS ลูกสาวได้สมัคร IELTS Master Module ซึ่งเป็นแบบฝึกหัดออนไลน์ที่จัดทำโดย IDP ซึ่งเป็นสถาบันจัดสอบ IELTS เอง แบบฝึกหัดจะมีให้ทั้ง Reading Writing และ Listening แต่ไม่มีในส่วนที่เป็น Speaking ให้ “ในส่วนนี้จึงต้องเตรียมตัวเองโดยการติดตามข่าวสารต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ” เพื่อให้เรามีข้อมูลในการตอบคำถามได้อย่างไม่ติดขัด

เตรียมตัวสอบ SAT ด้วย Khan Academy

สำหรับการเตรียมตัวสอบ SAT ในส่วนที่เป็นการคำนวน ลูกสาวใช้แบบฝึกหัดจากหนังสือที่มีขายทั่วไป และในส่วนที่เป็นภาษาอังกฤษจะใช้ทั้งจากหนังสือและแบบฝึกหัดออนไลน์ฟรีของ Khan Academy โดยทบทวนเป็นประจำเกือบทุกวัน แต่วันละไม่มากนักเพราะต้องทำงานอย่างอื่นของโรงเรียนไปด้วย แต่เน้นการทบทวนที่สม่ำเสมอค่ะ “และที่สำคัญคือลูกสาวจะจับเวลาทำสอบทุกหมวดเสมือนสอบจริงเดือนละครั้ง เพื่อคาดคะเนช่วงคะแนนที่จะได้ล่วงหน้า”

แนะนำอ่าน : รายละเอียดและข้อมูลในการสอบ SAT อัพเดทล่าสุด

นำ Acceptance Rate มาช่วยในการเตรียมตัว

ลูกสาวมักจะไปสืบค้นหา acceptance rate จากในเวบไซต์ต่างๆ เพื่อดูว่าคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองได้ส่วนใหญ่จะมี GPA และ SAT ประมาณเท่าไหร่เพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการเตรียมตัวสอบของตัวเอง

โรงเรียนของลูกสาวจะสมัครเวบไซต์ Cialfo ให้นักเรียนเกรด 12 ทุกคนเข้าไปกรอกข้อมูลการสมัครมหาวิทยาลัยของตัวเอง ซึ่งโรงเรียนจะเก็บข้อมูลสถิตินักเรียนเก่าทุกปีไว้ในเวบไซต์ Cialfo นี้ จึงเป็นประโยชน์ต่อลูกสาวมากในการเตรียมตัวสอบและยื่นใบสมัคร “โดยลูกสาวได้ใช้ acceptance rate ของรุ่นพี่โรงเรียนที่เข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองได้ นำมาตั้งเป็นเป้าหมายในการทำคะแนน” ซึ่งจากข้อมูลพบว่ารุ่นพี่โรงเรียนที่เข้า U of T ได้มี GPA เฉลี่ย 3.69 และได้คะแนน SAT เฉลี่ย 1,320 ส่วนรุ่นพี่โรงเรียนที่เข้า UBC ได้มี GPA เฉลี่ย 3.55 และได้คะแนน SAT 1,300

ขั้นตอนการยื่นใบสมัคร

มาถึงตรงนี้ อยากขอแชร์ประสบการณ์การยื่นสมัครของลูกสาวสำหรับการเรียนต่อเรียนต่อแคนาดา ป.ตรี หลังจากที่ได้ผลคะแนน IELTS และ SAT มาเรียบร้อยแล้ว

  • ในส่วนของ University of Toronto นั้นลูกสาวสมัครผ่าน OUAC ซึ่งเป็น online application portal กลางของมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ใน Ontario ทั้งหมด
  • ส่วน University of British Columbia สมัครผ่านเวบไซต์ของมหาวิทยาลัยโดยตรง

สำหรับการยื่นใบสมัครออนไลน์ในภาคเรียน Winter 2021/2022 ของทั้งสองมหาวิทยาลัยมีความแตกต่างกันตรงที่ UBC จะให้กรอก personal statement หรือ short essay จำนวนมาก ประมาณ 9-10 ประเด็น แบ่งเป็นประเด็นละไม่เกิน 500 คำ ซึ่งต้องใช้เวลาและการเตรียมตัวเยอะมากในการกรอกใบสมัคร!!

ตรงกันข้ามกับ U of T ที่ให้กรอกเฉพาะข้อมูลสำคัญส่วนบุคคล ข้อมูลทางการศึกษาและกิจกรรมที่ทำเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาไม่มากเท่า “และทั้งสองมหาวิทยาลัยจะให้อัพโหลดสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือพาสปอร์ต ผลการศึกษาที่แสดง GPA ในเวลาที่สมัคร” ซึ่งอาจเป็นฉบับที่ยังไม่สมบูรณ์เพราะส่วนใหญ่นักเรียนจะสมัครในช่วงปิดเทอมภาคแรกของการเรียนในปีสุดท้าย (มัธยม 6 หรือ เกรด 12) แต่เมื่อจบการศึกษาและได้รับผล GPA ที่สมบูรณ์แล้วจะต้องส่งตัวจริงให้กับทางมหาวิทยาลัยทางไปรษณีย์อีกครั้ง.

การยื่นผลสอบ SAT และภาษาอังกฤษ

การเรียนต่อแคนาดา ป.ตรีนั้น จำเป็นต้องมีผลการสอบมาตรฐานทางภาษา เช่น IELTS TOEFL และผลการสอบ SAT โดยจะต้องให้องค์กรที่จัดสอบซึ่งได้แก่ IDP, Educational Testing Service (ETS) และ College Board ตามลำดับ ส่งผลให้ทางมหาวิทยาลัยโดยตรงค่ะ

ลูกสาวยื่นใบสมัครออนไลน์ทั้งสองมหาวิทยาลัยในเดือนธันวาคม ปี 2020 และได้รับคำตอบจาก University of British Columbia ในวันที่ 19 มีนาคม 2021 ส่วน University of Toronto ได้รับในวันที่ 15 เมษายน 2021 ผ่านทางออนไลน์ทั้งคู่ โดย U of T ส่งจดหมายตอบรับทางไปรษณีย์ตามหลังมาให้อีกทีด้วย “ทั้งสองมหาวิทยาลัยรับลูกสาวเข้าเรียนในสาขาวิชาที่สมัคร” แต่เมื่อพิจารณาเรื่องค่าเทอม ค่าครองชีพ และสภาพอากาศแล้ว ลูกสาวตัดสินใจเลือกตอบรับเข้าเรียนที่ University of British Columbia ค่ะ.

เรียนต่อแคนาดา ป.ตรี ฝันให้ไกลไปให้ถึง!!

น้อง ๆ ที่มีความมุ่งมั่นจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในแคนาดา หรือที่ประเทศอื่น ๆ เมื่อศึกษาข้อมูลและตัดสินใจแล้ว ต้องวางแผนในการเตรียมสอบต่าง ๆ และการสมัครให้ดีก่อนล่วงหน้า รวมถึงการขยันเรียนเพื่อทำเกรดในโรงเรียนให้ดีด้วย หากน้อง ๆ มีความตั้งใจและมุ่งมั่นทำตามแผนโดยไม่ย่อท้อแล้ว เชื่อว่าน้อง ๆ จะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นอนค่ะ.

สามารถติดตามบทความ เรียนต่อแคนาดาทั้งหมดได้ที่นี่ เรียนต่อประเทศแคนาดา และถ้าชอบบทความเรียนต่อแคนาดา ป.ตรี แบบนี้ อย่าลืมช่วยกันแชร์เพื่อให้กำลังใจพวกเรากันด้วยนะคะ.