การเรียนดนตรีกล่าวได้ว่าเป็นกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็กเล็กที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายได้เป็นอย่างดีแล้ว การเรียนดนตรียังช่วยพัฒนาไปถึงด้านจิตใจของเด็กเล็กอีกด้วย ดังนั้นแล้วสำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองคนไหนที่ยังไม่แน่ใจว่าในจะเริ่มเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยด้วยกิจกรรมอะไรดี ลองมาทำความรู้จักกับ “ประโยชน์ของการเรียนดนตรี” ในบทความนี้กัน!!!

ประโยชน์ของการเรียนดนตรีในเด็กเล็กมีอะไรบ้าง?

เป็นที่ทราบกันดีว่าประโยชน์ของการเรียนดนตรีนั้นมีเยอะแยะมากมายและมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาแบ่งประโยชน์ของการเรียนดนตรีในเด็กเล็กออกเป็น 3 ด้าน เพื่อให้คุณผู้คุณแม่หรือผู้ปกครองสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

พัฒนาการทางด้านสมอง

พัฒนาการทางสมองของเด็กเล็กถือเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมาก เพราะแน่นอนว่าช่วงที่สมองของมนุษย์สามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด คือช่วงตั้งแต่ขวบปีแรกไปจนถึงอายุ 7 ปี ดังนั้นแล้วการเลือกเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กเล็กด้วยการเรียนดนตรีจึงสามารถช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลได้อย่างชัดเจนมากที่สุด

การเรียนดนตรี ช่วยเพิ่มทักษะในด้านความจำ
การเรียนดนตรี ช่วยเพิ่มทักษะในด้านความจำอย่างการจำโน้ตดนตรีหรือการจำเนื้อร้อง

เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสมองได้รับการกระตุ้นจากเสียงดนตรี นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเล่นเครื่องดนตรี การร้องเพลง หรือการจดจำทำนองต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เกิดการสร้างและเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทใหม่ ๆ จึงทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้เร็ว ไม่ว่าจะ ด้านภาษา การสื่อสาร การคำนวณ ดนตรีและอื่น ๆ อีกมากมาย

เพิ่มทักษะในด้านความจำ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญในการเล่นดนตรีนั้นนอกจากจะต้องใช้ความเข้าใจแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราทุกคนสามารถเล่นดนตรีได้นั่นก็คือ “การจำ” ไม่ว่าจะ เป็นการจำโน้ต การจำเนื้อร้อง รวมไปถึงตำแหน่งการวางนิ้วหรือตำแหน่งการเล่นเครื่องดนตรีต่าง ๆ จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า “การเรียนดนตรี” เป็นการเสริมสร้างทักษะในการจดจำข้อมูลต่าง ๆให้กับเด็ก ๆ ได้มากยิ่งขึ้น

มีสมาธิมากยิ่งขึ้น เพราะการเรียนดนตรีจะทำให้เด็กเล็กได้จดจ่ออยู่กับบางสิ่งบางอย่างในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนรี ร้องเพลง หรือการเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี ดังนั้นจึงช่วยส่งผลให้ตัวเด็กมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถควบคุมสมาธิและพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเองได้เป็นอย่างดี เช่น การลดความซุกซน อาการกระสับกระส่าย รวมไปถึงการรอสิ่งต่าง ๆ ได้นานมากยิ่งขึ้น

พัฒนาการทางร่างกาย

สำหรับการพัฒนาการทางร่างกายย่อมจะต้องมีการพัฒนาควบคู่กันไปกับพัฒนาการทางสมอง ซึ่งการเรียนดนตรีในเด็กเล็กนั้น นอกจากจะพัฒนาสมองได้เป็นอย่างดีแล้วก็ยังสามารถช่วยเสริมสร้างและพัฒนาร่างกายของเด็กเล็กได้เป็นอย่างมากอีกด้วย

การเรียนดนตรี ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อมัดเล็ก
การเรียนดนตรีอย่างเช่นเปียโนหรือเมโลเดี้ยน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กได้

เสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพราะแน่นอนว่าการเรียนดนตรีนั้น จะต้องมีการหยิบจับเล่นเครื่องดนตรีต่าง ๆ รวมไปถึงการเคลื่อนไหวจากการเต้นและร้องเพลง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ทั้งหมดจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อทั้งในส่วนของ “กล้ามเนื้อมัดเล็ก” อย่างบริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือและข้อมือ ซึ่งจะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถหยิบจับของต่าง ๆ ได้อย่างถนัดมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังช่วยให้สามารถเขียนตัวหนังสือได้อย่างเป็นระเบียบและใช้มือในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว โดยในส่วนของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ อย่างแขน ขา หรือลำตัวก็จะพัฒนาตามไปด้วยพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะทำให้เด็ก ๆ สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมดุลและมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง

เสริมสร้างพัฒนาการด้านการพูด เนื่องจากการเรียนดนตรีนั้น เด็ก ๆ จะต้องมีการสื่อสารกับครูผู้สอน เพื่อน ๆ หรือแม้แต่ผู้ปกครองเอง ที่ในบางคลาสจะมีการให้ผู้ปกครองได้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ดังนั้นเด็ก ๆ จึงต้องใช้การพูดและการสื่อสารอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็จะช่วยเสริมสร้างทักษะในด้านนี้ให้มีมากยิ่งขึ้น ทั้งการออกเสียง การเรียงประโยค การสร้างประโยคใหม่ ๆ และการร้องเพลง เป็นต้น

พัฒนาการทางด้านจิตใจ

สภาพจิตใจของเด็กเล็กถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการสร้างพื้นฐานทางจิตใจให้กับเด็กนั้น จะเป็นตัวกำหนดสภาพจิตใจและบุคลิกภาพต่าง ๆ ในอนาคตเมื่อเด็กเติบโตขึ้น เช่น เป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยน กล้าแสดงออก ปรับตัวได้ง่าย หรือการเป็นผู้ที่มีความกังวลอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ เป็นต้น ซึ่งการเรียนดนตรีในเด็กเล็กจะสามาถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านจิตใจได้ ดังนี้

การเรียนดนตรี ช่วยส่งเสริมบุคลิกให้มีความมั่นใจและกล้าแสดงออก
การเรียนดนตรีเป็นกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับผู้อื่น ช่วยส่งเสริมบุคลิกให้มีความมั่นใจและกล้าแสดงออก

ทำให้รู้สึกสนุกสนาน รวมถึงลดอาการตึงเครียดและความเศร้า เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าดนตรีนั้นเป็นเครื่องมือบำบัดความเศร้าชั้นดี ที่ไม่ว่าจะเป็นคนอายุเท่าไหร่ก็ล้วนแล้วแต่สามารถใช้ดนตรีเพื่อบำบัดความเศร้าหรือความตึงเครียด และสร้างความสนุกได้ด้วยกันทั้งสิ้น เช่นเดียวกับเด็กเล็ก การได้รับเสียงดนตรีก็จะช่วยสร้างความสนุกสนานและทำให้หายเศร้าหรือหายกังวลจากเรื่องต่าง ๆ ได้

ช่วยฝึกความอดทนและมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จ แม้ว่าการเรียนดนตรีในเด็กนั้น จะไม่ได้ต้องการความสำเร็จในระดับการแข่งขัน แต่การเรียนดนตรีเพื่อพัฒนาทักษะในเด็กก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้ความอดทนและมุ่งมั่นเพื่อที่จะสามารถสำเร็จในเป้าหมายระยะสั้น เช่น การร้องเพลงหรือเล่นเพลงใดเพลงหนึ่ง ซึ่งเมื่อเด็ดสามารถทำได้สำเร็จแล้วก็จะทำให้เด็กรู้สึกถึงความภาคภูมิใจและมีความอดทนมุ่งมั่นที่จะเรียนและฝึกฝนเพื่อความสำเร็จครั้งต่อ ๆ ไป

ช่วยส่งเสริมบุคลิกให้มีความมั่นใจและกล้าแสดงออก เนื่องจากการเรียนดนตรีเป็นกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนนักเรียนด้วยกัน คุณครูผู้สอน หรือแม้กระทั่งตัวผู้ปกครองเอง ดังนั้นการเรียนดนตรีจึงมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออกและมั่นใจที่จะได้เริ่มแสดงศักยภาพต่าง ๆ ที่ตนเองมี นอกจากนี้แล้วการเรียนดนตรียังช่วยให้เด็ก ๆ สามารถเข้ากับผู้อื่นได้โดยไม่เขินอายอีกด้วย

ดังนั้นแล้วจะเห็นได้ว่าการเรียนดนตรีในเด็กเล็กนอกจากจะมีประโยชน์ที่หลากหลายแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่สามารถเสริมสร้างทักษะและพัฒนาการของเด็ก ๆ ได้อย่างรอบด้านไปพร้อม ๆ กัน ทั้งด้านสมอง ร่างกาย และจิตใจ

อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุก ๆ คนต้องไม่ลืมว่า การพาเด็ก ๆ ไปเรียนดนตรีนี้ เป็นเพียงกิจกรรมอย่างหนึ่งที่จะพัฒนาทักษะเท่านั้น อย่าพยายามคาดหวังหรือบังคับเด็ก ๆ ว่าจะต้องประสบความสำเร็จในด้านการเล่นดนตรีอย่างเป็นเลิศ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจากประโยชน์ต่าง ๆ ที่ควรจะมีทั้งหมดจากการเรียนดนตรี อาจกลับกลายเป็นเพียงสิ่งน่าเบื่อที่เด็ก ๆ ไม่ต้องการเลยทีเดียว

Owl Campus Team