หากจะกล่าวถึงคุณภาพการศึกษา แน่นอนว่า “ประเทศอังกฤษ” ไม่ได้เป็นสองรองประเทศใดในโลกแน่ ๆ ด้วยดีกรีเป็นถึงประเทศเจ้าของภาษา และวัฒนธรรมอันงามสง่า ที่หยั่งรากลึกจากอดีตจนปัจจุบัน อิทธิพลเหล่านั้นเองที่ถูกถ่ายทอดออกไปยังทั่วโลก จนทำให้ มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ เป็นที่นิยม ทำให้ ประเทศอังกฤษ กลายมาเป็นเมืองในฝันที่เหล่านักเรียน – นักศึกษาจากต่างชาติ ถวิลหาเส้นทาง ในการมาเล่าเรียนต่อยังประเทศมหาอำนาจแห่งนี้
ไม่เพียงแต่การเรียนรู้ในด้านภาษาเท่านั้น สถาบันการศึกษาของสหราชอาณาจักรในระดับอุดมศึกษา ยังเป็นที่นิยมอย่างมากอีกด้วย “ปริญญาตรี ถือเป็นการศึกษาอีกขั้นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในดินแดนบริทิชอิงลิช” อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะคุณภาพ – ชื่อเสียง หรือ หลักสูตรที่ได้รับการยอมรับจากสากลโลก จนทำให้นักเรียน – นักศึกษา จากทั่วทุกมุมโลก ลงทุนมาเล่าเรียนต่อในระดับปริญญาตรียังประเทศอังกฤษ
อ้างอิงจากสถิติของ HESA หรือ Higher Education Statistics Agency ประจำปี ค.ศ. 2018 – 2019 พบว่ามีนักศึกษาจากต่างชาติลงเรียนหลักสูตรปริญญาตรีโดยเฉพาะ มากถึง 254,000 คน จากทั่วโลก
HESA Higher Education Statistics Agency
และหากเป็นระดับปริญญาดีกรีทั้งหมด จะมีจำนวนนักเรียนต่างชาติมากถึง 485,000 คนเลยทีเดียว และที่น่าสนใจไปมากกว่านั้น สถิติยังพบอีกว่า เด็กนักเรียนสัญชาติจีน ยังขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของบรรดานักเรียนต่างชาตินอกเขตทวีปยุโรปที่ลงเรียนระดับปริญญาในประเทศอังกฤษ คิดเป็นประมาณร้อยละ 35 ของนักเรียนต่างชาติทั้งหมด ถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงไม่น้อย
4 อิทธิพลหลักและข้อดี ที่ผลักดันอังกฤษให้เป็นที่นิยมในการเรียนต่อระดับปริญญา!
1. อิทธิพลจากสถาบันและหลักสูตร
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลักสูตรการเรียนการสอนในประเทศอังกฤษ อย่าง ระดับอุดมศึกษา ล้วนเป็นที่ยอมรับอย่างมากในระดับสากล ที่สำคัญ การเรียนการสอนเหล่านั้น ยังได้ขึ้นชื่อว่า “เป็นต้นแบบ” ที่ถูกนำไปปรับใช้กับหลักสูตรการศึกษาในหลายประเทศทั่วโลก สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ ยังมีชื่อเสียงที่กว้างไกลไปทุกที่ เรามักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ได้แก่ “Oxford University” หรือ The University of Oxford และที่ขาดไปไม่ได้เลย คือ “University of Cambridge” สองสถาบันชื่อดัง ที่มักถูกจัดสรรเป็นสุดยอดมหาวิทยาลัยของโลกในแทบทุกปี

อย่างเช่น ในปี ค.ศ. 2022 นี้ ทั้งคู่ก็ได้ชูธงชาติ เป็นตัวแทนคว้าอันดับสุดยอดมหาวิทยาลัย ใน TOP 3 ไปได้อย่างสวยงาม โดยสถิติจาก QS World University Ranking ผู้จัดอันดับของโลกเลื่องชื่อ ได้ระบุการจัดอันดับประจำปี 2022 ดังนี้
- The University of Oxford ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 และ
- The University of Cambridge ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 3 ร่วมกับ Stanford University จากสหรัฐอเมริกา
เรียกได้ว่าเมื่อมีการจัดอันดับสุดยอดมหาวิทยาลัยที่ไหน ทั้งสองสถาบันจากสหราชอาณาจักรก็ไม่พลาดที่จะคว้าชัยชนะมาได้อย่างแน่นอน
นอกเหนือจากสองมหาวิทยาลัยตัวเต็งเหล่านี้ ยังมีสถาบันอุดมศึกษาในประเทศอังกฤษอีกมากมายที่พร้อมมอบการศึกษาทรงคุณภาพ ให้แก่ผู้เล่าเรียนจากทุกแห่ง ด้วยเหตุผลด้านอิทธิพลจากสถาบันและหลักสูตรต้นแบบ ส่งผลให้เกิดเป็นความนิยมอย่างแพร่หลาย ที่ไม่เพียงแต่จะมีอิทธิพลกับการตัดสินใจของนักเรียน – นักศึกษา แต่ยังมีอิทธิพลไปยังเหล่านายจ้างและบริษัทแนวหน้าของโลกอีกด้วย หรือที่กล่าวได้อีกทางหนึ่งว่า “ผู้ใดที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ ถือเป็นใบเบิกทางชั้นดีในการเข้าถึงบริษัทชั้นนำของโลก” แทบจะเป็นที่ยอมรับและนับถือในแรกพบของเหล่านักทรัพยากรบุคคลเลยก็ว่าได้ นอกจากการเข้าถึงบริษัทแนวหน้า การศึกษาเหล่านี้ยังสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับทั้งประวัติและฐานเงินเดือนในอนาคตอีกด้วย
2. ทุนการศึกษาและระยะเวลาของหลักสูตร
สิ่งที่เป็นกังวลของนักเรียน – นักศึกษา ก่อนที่จะตัดสินใจมาศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ ประเด็นสำคัญคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก “ค่าเล่าเรียน” ถึงแม้ว่าอังกฤษ จะเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงกว่าไทยค่อนข้างมาก และต้องยอมรับเลยว่า ค่าเทอมในระดับปริญญา หลายสถาบันมักมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่รู้หรือไม่ อังกฤษ ยังมีเงินสนับสนุนและทุนการศึกษา สำหรับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเงินช่วยเหลือนักศึกษาที่แตกต่างกัน
แต่สำหรับทุนการศึกษาที่เรามักรู้จักกันเป็นอย่างดี อย่าง “The Chevening Scholarship” หรือ ทุนชีฟนิ่ง ทุนการศึกษาที่ส่งตรงจากรัฐบาลอังกฤษ มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ทั่วโลกสู่ความเป็นผู้นำ เงินทุนจำนวนนี้ จะครอบคลุมค่าเล่าเรียนทั้งหมด ค่าครองชีพ ค่าเดินทางโดยเครื่องบินทั้งไปและกลับ รวมถึงการฝึกฝนประสบการณ์ร่วมกับผู้นำนานาชาติมากกว่า 50,000 คน ถือเป็นทุนการศึกษาที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาก และยังได้รับการสนใจจากนักเรียนไทยอย่างล้นหลาม ไม่ได้มีแค่ทุนชีฟนิ่งเท่านั้นที่รัฐบาลอังกฤษมอบให้เป็นโอกาส ยังมี Euraxess UK – The Commonwealth Scholarship และอื่น ๆ อีกด้วย
แนะนำอ่านต่อ : รวมทุนการศึกษาจากทั่วโลก
ระยะเวลาของหลักสูตรในระดับมหาวิทยาลัยของอังกฤษ เป็นอีกประเด็นที่มีอิทธิพลต่อความนิยมของนักเรียน – นักศึกษา ในอังกฤษใช้ระยะเวลาในการศึกษาระดับปริญญาตรีเพียง 3 ปีเท่านั้น ในขณะที่หลายประเทศใช้เวลาถึง 4 ปี ส่วนปริญญาในระดับที่สูงขึ้นไป อาจใช้เพียง 12 – 18 เดือน ท่ามกลางระยะเวลา 2 ปีของประเทศอื่น ๆ
3. ทักษะที่จำเป็นและโอกาสในการทำงาน
ไม่เพียงแค่ชื่อเสียงและหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่สถาบันระดับอุดมศึกษาในอังกฤษ ยังเป็นแหล่งขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ล้ำค่า ในการเก็บเกี่ยวทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต นายจ้างและบริษัทส่วนมาก ล้วนต้องการลูกจ้างที่มีคุณภาพและทักษะที่จำเป็นสูง “สถาบันในประเทศอังกฤษ มีแนวโน้มที่จะสอนให้ลูกศิษย์คิด-อ่านอย่างมีเหตุมีผล” บนอิสระทางความคิด สอนให้วิเคราะห์ วิจารณ์และเสนอไอเดียอย่างสร้างสรรค์ เราจึงมักพบเห็นความสำเร็จอันสำคัญด้านศิลปะ ภาพยนตร์ และการออกแบบ จากบุคลากรที่จบจากสถาบันของอังกฤษ อีกรางวัลการันตี ที่จะมายืนยันความสำเร็จของมหาวิทยาลัยในราชอาณาจักรแห่งนี้ คงหนีไม่พ้น รางวัลอันทรงเกียรติ “โนเบล” ที่ทั้งนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรคว้ามาได้ในแต่ละรุ่น
นอกจากทักษะที่ผู้เรียนจะได้รับจากรั้วมหาวิทยาลัย อีกช่องทางที่สถาบันการศึกษาในอังกฤษจะสามารถมอบให้แก่ผู้เล่าเรียนระดับปริญญา นั่นก็คือ “การเปิดโอกาสให้สามารถทำงานระหว่างเรียนได้ถึง 20 ชั่วโมงในหนึ่งอาทิตย์” หากบุคคลนั้นเป็นนักศึกษาเต็มเวลา ช่องทางนี้ถือเป็นอีกโอกาสทองที่จะนำพาเหล่านักเรียน – นักศึกษา เข้าถึงบรรยากาศการทำงานอย่างแท้จริงในประเทศอังกฤษ การได้สัมผัสการทำงานด้วยประสบการณ์จริงและการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามฉบับเจ้าของภาษาจากถิ่นฐานต้นกำเนิด ย่อมให้บทเรียนและประสบการณ์อันมีค่ากว่าที่ไหน ๆ ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้เรียนสามารถแสดงศักยภาพของตนจนเป็นที่ประทับใจของนายจ้าง นั่นเองจะช่องทางอันสำคัญในการใช้ชีวิตต่อยังประเทศอังกฤษหลังจากเรียนจบได้อีกต่างหาก แหล่งมอบโอกาสชั้นดี มีได้ที่นี่เสมอจริง ๆ
4. ประตูสู่ยุโรปและวีซ่าทำงานหลังเรียนจบ
หากใครที่ชื่นชอบและวาดฝันอยากเดินทางท่องโลกไปยังทวีปยุโรป การมาเรียนต่อยังประเทศอังกฤษ เป็นอีกช่องทางที่ทำให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น ที่สหราชอาณาจักรแห่งนี้สามารถเดินทางไปเรียนรู้วิถีชีวิตยังสกอตแลนด์ หรือ เวลส์ได้ง่าย ๆ อีกทั้ง ระบบขนส่งสาธารณะในอังกฤษนั้น ได้เชื่อมต่อการเดินทางไปยังดินแดนยุโรปอื่น ๆ อย่างน้อยภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ถัดจากการท่องโลกไปหาประสบการณ์ชีวิต การมอบโอกาสดี ๆ หลังเรียนจบ เป็นอีกปัจจัยที่ดึงดูดให้นักเรียน – นักศึกษา เดินทางมาเรียนต่อยังประเทศอังกฤษ ด้วยความหวังว่าจะสามารถเข้าถึงการทำงานในแวดวงระดับโลกผ่านวีซ่าทำงานหลังเรียนจบ ซึ่งมอบโดยรัฐบาลอังกฤษ
“Graduate Route” เป็นช่องทางที่ออกแบบมาเพื่อมอบสิทธิ์ในการทำงานต่อเนื่องหลังเรียนจบ (Post-Study Visa) ในระดับปริญญาตรีหรือโท สามารถได้สิทธิ์ระยะเวลาวีซ่า สูงสุดถึง 2 ปี และผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก สามารถยื่นขอเป็นระยะเวลาสูงสุดได้ถึง 3 ปีอีกด้วย เพราะช่องทางอันสุดพิเศษนี้ ทำให้นักเรียน – นักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนต่อระดับปริญญาตรี – โท – เอก ในสหราชอาณาจักร จะสามารถได้รับโอกาสต่อยอดในการทำงานอันสำคัญ ตลอดจนทำให้บุคคลเหล่านั้น สามารถเอื้อมแตะเป้าหมายในการทำงานของตนได้อย่างประสบผลสำเร็จ จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใด “ประเทศอังกฤษ” จึงเป็นจ้าวแห่งการเรียนต่อและทรงอิทธิพลในแวดวงการศึกษาในระดับปริญญามากมายขนาดนี้.