การไปเรียนที่ประเทศแคนาดานั้น แม้ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพอาจจะไม่สูงเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับการไปเรียนที่ประเทศอังกฤษหรือประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากค่ะ เมื่อเทียบกับการเรียนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเล่าเรียน เนื่องจากมหาวิทยาลัยจะคิดในอัตราของ International Student ซึ่งจะสูงกว่าค่าเล่าเรียนของนักศึกษาที่เป็นพลเมืองแคนาดาอย่างมาก ใน EP นี้ จึงชวนน้อง ๆ “มองทางเลือกต่าง ๆ ในการหา Funding” ซึ่งจะได้นำมาช่วยลดค่าใช้จ่ายในการศึกษาของน้อง ๆ และคุณพ่อคุณแม่บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ

ทุนการศึกษา

“ทุนการศึกษาหรือเงินช่วยเหลือ” เป็นรูปแบบการสนับสนุนทางการเงินที่เสนอโดยมหาวิทยาลัยเอง องค์กรเอกชน รัฐบาล หรือมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อช่วยนักศึกษาต่างชาติในด้านการเงินสำหรับการศึกษา โดยในแต่ละปีจะมีทุนการศึกษาแบบให้เปล่า โดยไม่ต้องใช้ทุนจำนวนมากแก่นักเรียนในแคนาดา โดยมีทั้งที่เป็นแบบให้ครั้งเดียวหรือให้เป็นรายปีตลอดระยะเวลาการศึกษาในมหาวิทยาลัย ซึ่งกรณีหลังนี้มักจะมีข้อกำหนดบางประการ เช่น เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.0 เป็นเงื่อนไขเพื่อได้รับทุนในปีถัดไป

“ทุนการศึกษาในแคนาดาส่วนใหญ่จะพิจารณาจากผลการเรียน (Merit) โดยวัดจากเกรดเฉลี่ย” ความเป็นเลิศด้านกีฬา ดนตรี หรือศิลปะ การประสบความสำเร็จในการทำงานอาสาสมัคร หรือการรณรงค์ทางสังคม หรือในกรณีทุนการศึกษาปริญญาโทจะพิจารณา ความโดดเด่นในวิชาชีพหรือการวิจัยในด้านใดด้านหนึ่ง เป็นต้น

4 ทางเลือกในการหา Funding ช่วยค่าเล่าเรียนในประเทศแคนาดา
ทุนการศึกษาในแคนาดาส่วนใหญ่จะพิจารณาจากผลการเรียน (Merit)โดยวัดจากเกรดเฉลี่ย – ค่าเล่าเรียนในประเทศแคนาดา

ในการสมัครทุนการศึกษา อาจมีทั้งการส่งใบสมัครด้วยตนเอง แต่ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะมีการพิจารณาใบสมัครเข้าเรียนของนักศึกษาใหม่ แล้วพิจาณาทุนให้โดยอัตโนมัติตามผลการศึกษา และเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น ซึ่งทุนในลักษณะนี้เรียกว่า “Entrance Scholarship” ซึ่งตอนที่ลูกสาวส่งใบสมัคร University of Toronto และ University of British Columbia ก็ได้ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณา Entrance Scholarship จากใบสมัครนักศึกษาใหม่เช่นกัน แต่ว่าลูกสาวไม่ได้รับทุนค่ะ และก็เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้สมัครทุนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็น Entrance Scholarship ไว้ด้วย หากน้อง ๆ สนใจจะรับทุนการศึกษาควรศึกษาหาข้อมูลเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าว่ามีทุนใดที่เหมาะสมกับเรา จากเวบไซต์ของมหาวิทยาลัยที่น้อง ๆ สมัครเรียนต่อ และเวบไซต์เหล่านี้  เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสค่ะ

แนะนำอ่านต่อ : ทำไมถึงเลือกให้ลูกไปเรียนต่อแคนาดา!?

เงินอุดหนุน (Bursaries)

เงินอุดหนุนเป็นรูปแบบหนึ่งของความช่วยเหลือทางการเงิน ที่ส่วนใหญ่เสนอผ่านทางมหาวิทยาลัยเองโดยตรง ให้กับนักศึกษาต่างชาติที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้น “ซึ่งมักจะพิจารณาจากความต้องการทางการเงินมากกว่าผลการศึกษา” ซึ่งจะต่างไปจาก Entrance Scholarship และทุนการศึกษาอื่น ๆ ส่วนใหญ่

โดยปกติแล้วจะเป็นการจ่ายให้แบบครั้งเดียว โดยผู้ให้เงินอุดหนุนนี้มักเป็นมูลนิธิไม่แสวงหากำไรหรือองค์กรเอกชน “โดยปกตินักศึกษาจะต้องส่งใบสมัคร และต้องเข้ารับการประเมินความต้องการการช่วยเหลือ” ซึ่งอาจจะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ของผู้ปกครองเพื่อยืนยันสถานะทางการเงิน เป็นต้น และโดยมากผู้ยื่นสมัครขอรับเงินอุดหนุนจะต้องลงทะเบียนเป็นนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยนั้น ๆ แล้ว น้อง ๆ สามารถหาข้อมูลเพื่อขอรับเงินอุดหนุนได้จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยของน้อง ๆ เอง

การทำงาน On-campus และ Off-campus

นักศึกษาเต็มเวลา (Fulltime Student) ที่มี Study Permit “สามารถทำงานในแคมปัสที่ตนเองศึกษาอยู่ได้ โดยไม่ต้องขอ Work Permit” งานในแคมปัสอาจหมายรวมถึงงานใน facilities ต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่นห้องสมุด งานในองค์กรนักศึกษา งานบริษัทเอกชนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย เช่น คอฟฟี่ช้อป หรือการช่วยงานอาจารย์หรือนักวิจัยในมหาวิทยาลัย เป็นต้น

4 ทางเลือกในการหา Funding ช่วยค่าเล่าเรียนในประเทศแคนาดา
นักศึกษาเต็มเวลาที่มี Study Permit สามารถทำงานในแคมปัสโดยไม่ต้องขอ Work Permit

สำหรับ University of British Columbia ที่ลูกสาวกำลังจะไปเรียนนั้น มีโปรแกรมที่อนุญาตให้นักศักษาทำงานในแคมปัส ซึ่งเรียกว่า “Work-Learn Position” ให้นักศึกษาทำงานได้ไม่เกิน 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในภาคการศึกษาฤดูหนาว และไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในภาคการศึกษาฤดูร้อน ซึ่งโดยรวมแล้ว ไม่เกิน 300 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษา

นอกจากการทำงานในแคมปัสแล้ว นักศึกษายังสามารถทำงานนอกแคมปัสได้อีกด้วย หากเป็นนักศึกษาเต็มเวลาที่มี Study Permit โดยที่โปรแกรมการเรียนของนักศึกษาที่ประสงค์จะทำงานนอกแคมปัส “จะต้องมีระยะเวลาของโปรแกรมนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป” และจะต้องเป็นโปรแกรมที่ได้รับประกาศนียบัตรจากการเรียนเมื่อเรียนจบ โดยการทำงานนอกแคมปัสนี้ จะต้องไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในช่วงเวลาเปิดเทอมปกติของนักศึกษา แต่ในเวลาปิดเทอม นักศึกษาสามารถทำงานเต็มเวลาได้

โปรแกรมการฝึกงานแบบได้รับค่าจ้าง Co-op Student

โปรแกรม Co-op นี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรวิชาเรียนในมหาวิทยาลัย “ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการให้นักศึกษาสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิชาการเพื่อประโยชน์ในการทำงานจริง” และเพื่อให้ได้ประสบการณ์จากการได้เข้าไปทำงานร่วมกับบุคลากรในสาขาวิชาที่เรียนจริงในประเทศแคนาดา โดยนักศึกษาจะได้รับค่าจ้างจากบริษัทที่ไปฝึกงานด้วย ซึ่งจะมีอัตราแต่งต่างกันไปตามสาขาวิชา แต่โดยเฉลี่ยประมาณ 20 เหรียญต่อชั่วโมง มีความยาวของโปรแกรมตั้งแต่ 3-12 เดือน

โปรแกรมการฝึกงานแบบได้รับค่าจ้าง Co-op Student
นักศึกษาโปรแกรม Co-op Student สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิชาการเพื่อประโยชน์ในการทำงานจริง

ทั้งนี้มีข้อกำหนดให้นักศึกษาเข้าร่วมโปรแกรม Co-op ได้ไม่เกิน 50% ของการเรียนทั้งหมด นักเรียนต่างชาติที่เดินทางไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ หรือคอร์สเตรียมตัวเพื่อเข้าเรียนต่อในสถาบันอื่น ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ Co-op ได้

10 มหาวิทยาลัยที่มีโปรแกรม Co-op ที่เป็นเลิศในประเทศแคนาดา

  1. University of Waterloo
  2. Wilfrid Laurier University
  3. Simon Fraser University
  4. University of British Columbia
  5. University of Victoria
  6. Centennial College
  7. University of Quebec
  8. University of Ottawa
  9. University of Calgary
  10. University of Alberta

Ref : www.stoodnt.com

บทสรุปการหา Funding ช่วยค่าเล่าเรียนในประเทศแคนาดา

วิธีหา Funding ช่วยสนับสนุนค่าเล่าเรียนในประเทศแคนาดา ในระหว่างเรียนมีอยู่หลากหลายรูปแบบตามที่ได้กล่าวมาแล้วให้น้อง ๆ ลองเลือกดูตามความถนัดและความสามารถของตัวเอง หากสนใจควรศึกษาหาข้อมูลจากเวบไซต์ของมหาวิทยาลัยและเวบไซต์อื่น ๆ ตามที่ให้ไว้ล่วงหน้านะคะ

การได้รับทุนการศึกษานั้น อาจมีเงื่อนไขที่น้อง ๆ ต้องปฎิบัติตาม เช่นต้องได้เกรดเฉลี่ยตามที่ตกลงไว้ตลอดภาคการศึกษา ส่วนการทำงานก็ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ จำนวนชั่วโมงที่ระบุไว้ด้วย ในการทำงานนั้น นอกจากจะได้ค่าจ้างมาช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว หากน้อง ๆ ตั้งใจเรียนรู้ และทำงานให้ดี ก็อาจเป็นประตูสู่การจ้างงานแบบ full-time ที่จะสร้างโอกาสและประสบการณ์อันนับเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตการทำงานที่ดีของน้อง ๆ ต่อไปค่ะ.